สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานวานนี้ (6 ต.ค.) อ้างเทรดเดอร์ในกรุงเทพฯ ว่า ไทยลงนามในข้อตกลงขายข้าว 200,000 ตัน ให้กับสำนักงานโลจิสติกส์ (บูล็อก) ของอินโดนีเซีย โดยการจัดส่งน่าจะเริ่มต้นในเดือน ธ.ค. และทั้งสองประเทศยังหารือความเป็นไปได้ ที่จะทำข้อตกลงซื้อขายข้าวอีกประมาณ 300,000 ตัน ขณะที่เจ้าหน้าที่ทางการไทยรายหนึ่ง กล่าวว่า การทำข้อตกลงครั้งที่สอง อาจมีระดับสูงกว่า 300,000 ตัน

บูล็อก แถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า สต็อกข้าวของอินโดนีเซียอยู่ต่ำกว่าเกณฑ์ และราคาข้าวอินโดนีเซียที่อยู่ในระดับสูง เป็นอุปสรรคต่อการเพิ่มสต็อกข้าวในประเทศ

ส่วนที่เวียดนาม บริษัทวินาฟูด 2 ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่สุดในประเทศ ทำข้อตกลงขายข้าวหัก 15% ปริมาณ 300,000 ตัน ให้แก่บูล็อก โดยจะจัดส่งก่อนสิ้นปีนี้

เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งในสมาคมอาหารเวียดนาม กล่าวว่า เนื่องจากการขนถ่ายข้าวสำหรับอินโดนีเซียเริ่มต้นขึ้นแล้ว และปริมาณข้าวสำหรับการส่งออกมีจำกัด ดังนั้น สมาคมอาหารเวียดนาม จึงสั่งห้ามการทำสัญญาส่งออกข้าวระหว่างบริษัทกับบริษัท สำหรับการขนส่งตั้งแต่เดือน พ.ย.เป็นต้นไป

เทรดเดอร์ในเวียดนาม กล่าวว่า ข่าวการซื้อข้าวครั้งใหญ่นี้ อาจช่วยหนุนราคาข้าวในประเทศ และราคาข้าวส่งออก เพราะปริมาณข้าวมีจำกัดในช่วงสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยวข้าว

ขณะเดียวกัน นายดโจโค ซาอิด ดามาร์ดจาติ เลขาธิการสมาคมประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ (เอเอ็นพีอาร์ซี) กล่าวว่า ปริมาณผลผลิตยางธรรมชาติของประเทศสมาชิก มีแนวโน้มต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 9.47 ล้านตัน เนื่องจากฝนตกหนัก และต้นยางอายุมากทำให้ผลผลิตยางลดลง โดยปริมาณการผลิตจะได้รับแรงกดดันทั้งในปีนี้และปีหน้า

นายดโจโค กล่าวว่า ฝนที่ตกหนักในไทยและอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติรายใหญ่ที่สุดสองอันดับแรกของโลก เป็นสิ่งที่ตลาดไม่ได้คาดการณ์ไว้ และมีแนวโน้มว่าจะส่งผลกระทบต่อการกรีดยาง

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ