รายงานข่าวจากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า สมาคมได้ประกาศราคาข้าวสัปดาห์แรกของปี 2553 เมื่อวันพุธที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยราคาซื้อเอฟโอบี ณ ท่าเรือกรุงเทพ ปรับตัวสูงขึ้นเกือบทุกชนิด เช่น ข้าวขาว 25% ราคา 508 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จาก 487 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ของสัปดาห์ก่อน ข้าวขาว 100% ราคา 607 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จาก 590 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ข้าวขาว 5% ราคา 576 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จากราคา 559 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ซึ่งเป็นการปรับราคาเพิ่มขึ้น 10-20 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน ในรอบสัปดาห์
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า สาเหตุที่ราคาข้าวสูงขึ้นในช่วงสัปดาห์นี้ มาจากสาเหตุหลัก 2 ประการ ได้แก่ อัตราแลกเปลี่ยนที่เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่องและราคาข้าวในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงถึงตันละ 500 บาท สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการซื้อข้าวในประเทศ เพื่อส่งมอบตามสัญญาในคำสั่งซื้อที่มีอยู่แล้ว เช่น การส่งมอบให้ฟิลิปปินส์ ที่ไทยชนะการประมูลบางส่วนมาก่อนหน้านี้
ส่วนคำสั่งซื้อใหม่เชื่อว่า จะเริ่มเข้ามาในช่วงครึ่งหลังของเดือนม.ค. ซึ่งตลาดข้าวที่น่าสนใจ คือ ข้าวนึ่งที่ตลาดหลักอย่างในแอฟริกา สต็อกเริ่มลดลงแล้วและอินเดียยังห้ามส่งออกข้าวต่อไปจึงไม่มีคู่แข่ง อย่างไรก็ตาม ด้านการนำเข้าข้าวของอินเดียก็ยังไม่มีสัญญาณจะนำเข้าเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระดับราคาปัจจุบันที่ยังค่อนข้างสูงมาก
“ที่ราคาข้าวสูงขึ้นช่วงนี้ น่าจะมาจากการเร่งส่งมอบข้าว ตามคำสั่งซื้อเก่าที่ผู้ส่งออกถืออยู่ เพราะช่วงเดือนธ.ค. ที่ผ่านมามีวันหยุดมาก ปัญหาเรือขาดแคลนทำให้การส่งออกน้อย แต่จะเริ่มกลับมาส่งออกมากขึ้นในช่วงนี้ ที่ผู้ส่งออกจะต้องหาข้าวส่งมอบ ทำให้ราคาในประเทศเพิ่มขึ้นสูงเฉลี่ยกระสอบ (100 กก.) ละ 50 บาท" นายชูเกียรติ กล่าว
สำหรับสถานการณ์ส่งออกข้าวจากนี้ เชื่อว่าการส่งออกจะเป็นไปตามเป้าหมาย 9 ล้านตัน เพราะความต้องการตลาดโลกยังสูงต่อเนื่อง และรัฐจะมีแผนระบายข้าวในสต็อก 6 ล้านตัน ออกมาเป็นล็อตเล็ก ประมาณ 2-3 แสนตัน เพราะหากเก็บไว้นานอีกระยะ จะมีปัญหาคุณภาพข้าว ทำให้ขณะนี้ผู้ส่งออกกล้ารับคำสั่งซื้อมากขึ้น เพราะมั่นใจว่าจะมีซัพพลายป้อนเข้าตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งมอบให้ลูกค้าต่อไป แม้ที่ผ่านมาผลผลิตบางส่วน จะได้รับความเสียหายจากเพลี้ยกระโดด แต่เมื่อเทียบกับปริมาณข้าวในสต็อกรัฐแล้ว เชื่อว่าจะสามารถทดแทนกันได้
นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ ด้านการผลิต ว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายข้าว (กขช.) ให้กระทรวงเกษตรฯ ทบทวนแผนการรับประกันรายได้ของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวรอบ 2 หรือนาปรัง จากที่เสนอข้าวหอมปทุมธานี และข้าวเปลือกเจ้า จำนวน 30 ตันต่อครัวเรือน และข้าวเหนียวจำนวน 20 ตันต่อครัวเรือน โดย กขช.เห็นว่าปริมาณต่อครัวเรือนสูงเกินไป แต่อนุกรรมการด้านการผลิตพิจารณาข้อมูล จากการรับประกันราคาครั้งแรกและข้อมูลการผลิตเกษตร (สศก.) มาประกอบการพิจารณา ซึ่งครอบคลุมเกษตรกรส่วนใหญ่ 80% จึงยืนยันข้อเสนอปริมาณเดิม และเสนอให้พิจารณาผลิตต่อไร่เฉลี่ยทั้งประเทศ 698 กก.ไร่ด้วย
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |