แหล่งข่าวกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 16 ก.พ. กระทรวงพาณิชย์จะเสนอมาตรการดูแลข้าว ภายใต้เขตการค้าเสรีอาเซียน (อาฟตา) ที่ลดภาษีสินค้าข้าวเหลือ 0% ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. โดยจะเสนอให้มีการนำเข้าเฉพาะปลายข้าวที่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสำหรับมนุษย์เท่านั้น ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์จากเดิม กำหนดให้นำเข้าปลายข้าวเข้ามาใช้ได้ในทุกอุตสาหกรรม รวมถึงอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ด้วย แต่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ไม่เห็นด้วย เนื่องจากเกรงว่าจะทำให้ราคาปลายข้าวในประเทศตกต่ำ หากมีการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ เพราะปลายข้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะปลายข้าวจากพม่าและกัมพูชาถูกกว่าไทยมาก

ทั้งนี้ หลังจากที่ ครม.เห็นชอบมาตรการบริหารการนำเข้าข้าว ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอมา ขั้นตอนต่อไปทางกรมการค้าต่างประเทศ จะออกประกาศภายใต้ พ.ร.บ. การส่งออกและการนำเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งสินค้า พ.ศ.2522 ต่อไป เพื่อให้สามารถนำเข้าปลายข้าวภายใต้กรอบอาฟตาได้ถูกต้องตามกฎหมาย

นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล นายกสมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย กล่าวว่า แนวคิดที่จะห้ามนำเข้าปลายข้าวอาฟตา มาใช้ในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์นั้น ไม่เห็นด้วย เนื่องจากจะเป็นการตัดทางเลือกให้ผู้ผลิตอาหารสัตว์ ไม่สามารถนำเข้าวัตถุดิบต้นทุนถูกมาใช้ผลิตสินค้า ส่งผลต่อราคาอาหารสัตว์ที่อาจต้องปรับขึ้นในกรณีวัตถุดิบในประเทศราคาสูงตามทิศทางราคาข้าวสาร และในที่สุดจะส่งผลต่อราคาสินค้าอาหารกลุ่มโปรตีนโดยเฉพาะเนื้อสุกร

“มาตรการที่กำหนดขึ้นมีความรัดกุมและยุ่งยากอยู่แล้ว ไม่จำเป็นผู้ผลิตอาหารสัตว์ก็ไม่นำเข้า ซึ่งอุตสาหกรรมอาหารสัตว์และการผลิตอื่นๆ มีการใช้วัตถุดิบปลายข้าวเฉลี่ยปีละ 1 ล้านตัน" นายพรศิลป์ กล่าว

ก่อนหน้านี้คณะอนุกรรมการบริหารการนำเข้าข้าวภายใต้อาฟตา ที่มีนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เป็นประธานได้พิจารณาเห็นชอบกับมาตรการนำเข้าข้าวอาฟตา ที่ให้นำเข้าเฉพาะปลายข้าวเฉพาะอุตสาหกรรมที่ใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบเท่านั้น และกำหนดช่วงระยะเวลานำเข้า 2 ช่วง คือ เดือนพ.ค.-ก.ค. และเดือนส.ค.-ต.ค.

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ