นายนิทัศน์ ภัทรโยธิน กรรมการและผู้จัดการ ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย หรือ AFET เปิดเผยว่า การที่รัฐบาลจะนำข้าวเข้ามาระบายผ่าน AFET โดยทยอยขายเป็นรายเดือน จะเป็นผลดีต่อตลาดข้าว เพราะการประมูลข้าวผ่าน AFET ก่อให้เกิดการแข่งขันในการเสนอราคาค่อนข้างสูง

การประมูลดังกล่าว เปิดโอกาสให้กับผู้ประกอบการ ที่ได้รับใบอนุญาตประกอบการค้าข้าวทุกคน มีสิทธิเข้าร่วมประมูล จึงมีผู้เข้าร่วมประมูลจำนวนมาก ได้แก่ ผู้ส่งออก ผู้ประกอบการโรงสี ผู้ประกอบการข้าวถุง ตลอดจนผู้ค้าข้าว (หยงข้าว) รวมถึงผู้ที่ได้รับใบอนุญาตค้าข้าวอื่นๆ

ขณะเดียวกัน ผู้เข้าร่วมประมูลเสนอราคาที่แข่งขันกันมาก ตามความต้องการใช้ข้าวของแต่ละคน แต่ละสถานที่ตั้งของคลังสินค้า จนบางคลังมีการเสนอราคาที่เท่ากันหรือต่างกันน้อยมาก

ตั้งแต่เดือนส.ค.2552 เป็นต้นมา กระทรวงพาณิชย์ได้ประมูลข้าวเพื่อระบาย ผ่าน AFET ไปแล้วไม่น้อยกว่า 1 ล้านตัน และส่งมอบข้าวแล้ว 7 แสนตัน ที่ผ่านมามีการประมูลข้าวสูงสุดถึง 260,000 ตันต่อครั้งการประมูล

"ผู้ที่ร่วมประมูลข้าวผ่าน AFET พอใจวิธีการ เพราะเป็นการทยอยขายข้าวของรัฐ โดยผู้ที่ไม่ชนะการประมูล มีโอกาสเข้าร่วมประมูลในครั้งต่อไปได้ และการกำหนดราคาขายโดยอิงราคา AFET ทำให้มีการกำหนดราคาขายข้าวของรัฐ โดยกลไกการซื้อขายล่วงหน้า ส่งผลให้ราคาในแต่ละช่วงสอดคล้องกับภาวะตลาดที่แท้จริง" นายนิทัศน์ กล่าว

อีกทั้งการระบายข้าวผ่าน AFET ด้วยราคาดังกล่าว ซึ่งเป็นราคาตลาด จึงไม่ทำให้ราคาของตลาดข้าวได้รับผลกระทบจากอุปทานที่อาจเพิ่มขึ้น จากการระบายข้าวของรัฐ

"ดังนั้นหากรัฐบาลจะนำข้าวจำนวน 2 ล้านตันมาระบายผ่าน AFET หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายล่วงหน้า ทั้งโบรกเกอร์ ผู้จัดการกองทุน AFET และสำนักงานคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า มีความพร้อมที่จะร่วมกันสนับสนุนนโยบายดังกล่าวเป็นอย่างดี" นายนิทัศน์ กล่าว

นายนิทัศน์ กล่าวว่า นอกจากจะได้ประโยชน์ทางตรงในการระบายข้าวในสต็อกรัฐบาลตามกลไกราคาแล้ว ยังทำให้ผู้ประกอบการที่ร่วมประมูลและหน่วยงานภาครัฐ ต่างมีความรู้ ความเข้าใจ กลไกการซื้อขายล่วงหน้ามากขึ้นจากประสบการณ์จริง และสามารถใช้ AFET ป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาได้มากขึ้น

ขณะนี้การซื้อขายล่วงหน้าใน AFET มีทั้งผู้ซื้อผู้ขาย ที่มีความเกี่ยวข้องกับสินค้าจริง เข้ามาซื้อขายในตลาดโดยเฉลี่ยประมาณ 50% ของปริมาณการซื้อขายใน AFET ทั้งหมด

"เมื่อราคาเบี่ยงเบนไปจากสภาวะของตลาด เพียงแค่ในช่วงระยะเวลาอันสั้น ผู้ประกอบการเหล่านี้ย่อมรู้ถึงความเบี่ยงเบนดังกล่าว ก็จะเข้ามาซื้อขาย โดยอาศัยความไม่สมดุลดังกล่าวสร้างผลตอบแทน จนทำให้ราคากลับสู่ดุลยภาพอีกครั้ง" นายนิทัศน์ กล่าว

ด้านนายวันชัย ผโลทัยถเกิง เลขาธิการคณะกรรมการกำกับการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้า (ก.ส.ล.) กล่าวว่า กรณีที่ผู้ประกอบการค้าข้าวที่เกี่ยวข้องบางส่วนวิตกกังวล การซื้อขายในเอเฟทอาจมีการปั่นราคาและเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกันได้นั้น ก.ส.ล. ได้กำกับดูแลการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าใกล้ชิด โดยมีระบบเทคโนโลยีและการเฝ้าระวังด้วยเจ้าหน้าที่ตลอดช่วงเวลาการซื้อขาย จึงมั่นใจการซื้อขายในเอเฟท ไม่มีผู้ใดกระทำการซื้อขายที่ทำให้ราคาเปลี่ยนแปลงไม่เป็นไปตามสภาพปกติของตลาด

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ