บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมินว่าปริมาณการส่งออกข้าวของไทยในปี 53 อาจจะลดต่ำลงเหลือเพียง 8.1 ล้านตันเท่านั้น เนื่องจากเมื่อเปรียบเทียบปริมาณการส่งออกรายเดือนแล้ว ปรากฎว่าปริมาณการส่งออกข้าวของไทยเริ่มต่ำกว่าในปี 52 ในเดือนเมษายน นอกจากนี้ ยังต่ำกว่าเมื่อเทียบกับปริมาณการส่งออกข้าวของเวียดนามในเดือนเดียวกัน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของประวัติการส่งออกข้าว แสดงให้เห็นถึงความรุนแรงของการแข่งขันในการส่งออกข้าวในตลาดโลก

ทั้งนี้ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ระบุว่า ปริมาณส่งออกข้าวมีแนวโน้มลดลงในช่วงไตรมาสที่ 2 เหลือเพียงเดือนละ 600,000 ตัน จากที่ไทยส่งออกเฉลี่ยเดือนละ 700,000 ตัน ทำให้คาดว่าในช่วงครึ่งปีแรกจะส่งออกได้เพียง 4 ล้านตันเท่านั้น ต่ำกว่าเป้าหมายร้อยละ 11

ทั้งนี้ ในช่วงกลางปีนี้ สมาคมฯจะทบทวนเป้าหมายการส่งออกข้าวทั้งปีใหม่ คาดว่าจะปรับลดลงเหลือ 8.5 ล้านตัน จากเดิมคาดไว้ 9 ล้านตัน

ขณะที่สถานการณ์ภัยแล้งในขณะนี้ กรมชลประทานระบุว่าเริ่มคลี่คลายแล้ว เพราะเหลือพื้นที่ประสบภัยเพียง 12 จังหวัด จากเดิม 60 จังหวัด แต่สถานการณ์ปริมาณน้ำในเขื่อนยังวิกฤติ โดยเฉพาะเขื่อนสิริกิติ์และเขื่อนภูมิพล ดังนั้น พื้นที่ที่วิกฤติหนักขณะนี้คือพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบกว่า 6 ล้านไร่ สินค้าเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งในปีนี้แล้วคือ พืชผัก ที่เสียหายจากสภาพอากาศร้อนจัดและขาดน้ำ ผลผลิตจึงลดลงกว่าร้อยละ 30 ขณะที่ ราคามีแนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่องถึงเดือนกรกฎาคม ซึ่งจะเข้าสู่ฤดูฝนและผลผลิตรอบใหม่

สำหรับข้าวนั้น กระทรวงเกษตรฯประกาศขอให้เกษตรกรที่ปลูกข้าวเลื่อนระยะเวลาปลูกข้าวนาปีไปเป็นราวกลางเดือนกรกฎาคม หรือจนกว่าจะมีฝนตกเพิ่มขึ้น และประเมินว่าปริมาณข้าวนาปรังปีนี้อาจจะเสียหายสูงถึง 2 ล้านตันข้าวเปลือก

ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)