นางสาววิบูลย์ลักษณ์ ร่วมรักษ์ รองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้นำคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปประเทศอินโดนีเซีย เพื่อพบปะหารือกับนาย Sutarto Alimoesa ประธานหน่วยงานจัดซื้อข้าว (BULOG) ของรัฐบาลอินโดนีเซีย เกี่ยวกับแนวโน้มความต้องการนำเข้าข้าวและความเป็นไปได้ในการนำเข้าข้าวแบบรัฐต่อรัฐของรัฐบาลอินโดนีเซีย รวมทั้งได้มีการสำรวจตลาดข้าวไทยในกรุงจาการ์ตาด้วย
ทั้งนี้ ในการหารือกรมฯ ได้เสนอให้มีการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ฉบับใหม่ เพื่อจะได้เป็นหลักประกันในการสร้างความมั่นคงด้านอาหารของอินโดนีเซีย หากเกิดภาวะความขาดแคลนข้าว ไทยจะเป็นแหล่งนำเข้าข้าวของอินโดนีเซียได้ ในระยะยาวหลังจากที่ MOU ที่ได้จัดทำขึ้นเมื่อปลายปี 2549 ที่ทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงที่จะมีการซื้อขายข้าวในปริมาณไม่เกิน 1 ล้านตันต่อปีระหว่างปี 2550-2554 จะหมดอายุลงในเดือนธ.ค. 2554
“ประธาน BULOG แจ้งว่ามีกำหนดการที่จะเดินทางมาเข้าร่วมประชุม Rice Conference ในเดือนต.ค.2553 ที่จังหวัดภูเก็ต ช่วงนั้นควรจะมีการหารือเกี่ยวกับการจัดทำ MOU ฉบับใหม่อีกครั้งในช่วงนั้น" นางสาววิบูลย์ลักษณ์ กล่าว
นางสาววิบูลย์ลักษณ์ กล่าวอีกว่า แม้อินโดนีเซียจะลดการนำเข้าข้าวลง แต่ทั้ง 2 ฝ่ายสามารถขยายความร่วมมือทางการค้าข้าวได้ โดยเฉพาะการค้าข้าวชนิดพิเศษ เช่น ข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว และปลายข้าวหอมมะลิ ซึ่งตลาดอินโดนีเซียมีความต้องการสูง
นอกจากนี้ ไทยได้แสดงความกังวลว่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ข้าวหอมมะลิไทยไม่ได้มีการวางจำหน่ายในห้างสรรพสินค้าและร้านค้าต่างๆ ในอินโดนีเซีย ซึ่งอาจเป็นผลมาจากรัฐบาลอินโดนีเซีย ไม่อนุญาตการนำเข้าข้าวชนิดพิเศษ จึงขอให้ฝ่าย BULOG ช่วยประสานแจ้งให้กระทรวงเกษตรอินโดนีเซียทราบ และพิจารณาในเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้การจำกัดการนำเข้าข้าวไทยของอินโดนีเซีย เป็นมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษี ซึ่งขัดกับความตกลงว่าด้วยการค้าสินค้าของอาเซียน (ATIGA) กรมฯ จะประสานกับกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ หยิบยกประเด็นปัญหาการนำเข้าข้าวของไทย ขึ้นหารือกับฝ่ายอินโดนีเซียในเวทีอาเซียนต่อไป
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
|