www.thairiceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

'ไนจีเรีย'ทาบซื้อข้าวขาวไทยล้านตัน


นายนิพนธ์ วงษ์ตระหง่าน ที่ปรึกษาด้านการตรวจสอบสต๊อกและระบายสินค้าเกษตร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและที่ปรึกษาด้านการเกษตร นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าได้รับแจ้งจากนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีว่าประเทศไนจีเรียได้แจ้งความจำนงจะขอซื้อข้าวขาว 5%จากประเทศไทยจำนวน 1 ล้านตัน ซึ่งรองนายกรัฐมนตรีและคณะจะเดินทางไปเจรจาในรายละเอียดที่ประเทศไนจีเรียปลายเดือนกันยายน ศกนี้
 
"ตามปกติแล้วไนจีเรียเป็นประเทศบริโภคข้าวนึ่ง ผมจึงได้ตรวจสอบจากโบรกเกอร์ค้าข้าวว่าทำไมไนจีเรียจึงสั่งซื้อข้าวขาวจากประเทศไทย ได้รับคำตอบว่าเวลานี้ไนจีเรียร่ำรวยจากการขายน้ำมันได้ราคาสูง นอกเหนือจากการขายน้ำมันแล้วจึงหันมาทำเป็นเทรดเดอร์ข้าวโลกด้วย โดยข้าวขาว5% ที่สั่งซื้อจากประเทศไทย ไนจีเรียจะนำไปขายต่อประเทศรอบบ้านเช่น เบนิน เป็นต้น ขณะที่ภายในประเทศยังคงบริโภคข้าวนึ่งเป็นหลักอยู่"
 
นายนิพนธ์ กล่าวด้วยว่านอกเหนือจากไนจีเรีย เซเนกัลยังต้องการนำเข้าข้าวจากประเทศไทยอีกโดยแจ้งความจำนงนำเข้าข้าวจากประเทศไทย 100,000 ตัน ส่วนประเทศอื่นๆ ที่คาดว่าจะต้องนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มเติมได้แก่ ปากีสถาน แม้ว่าเวลานี้ไทยต้องส่งข้าวเพื่อไปช่วยเหลือประชาชนปากีสถาน แต่หลังจากที่องค์การสหประชาชาติได้นำเงินเข้าไปช่วยเหลือแล้ว ซึ่งสามารถจะซื้อข้าวได้มากถึง 800,000 ตัน จึงเป็นอีกประเทศที่ไทยจะสามารถขายข้าวได้ นอกจากนี้ยังมีจีนเพราะหลายพื้นที่ของจีนประสบปัญหาน้ำท่วมแม้จะไม่ใช่พื้นที่เพาะปลูกแต่เป็นพื้นที่เก็บข้าวทำให้ข้าวที่เก็บสต๊อกไว้ในโกดังได้รับความเสียหายหมด คาดว่าจีนต้องนำเข้าข้าวประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย มั่นใจว่าก่อนถึงสิ้นปีนี้ต้องมาซื้อข้าวจากประเทศไทย
 
"ข้อมูลประเทศใดต้องการซื้อข้าวหากติดตามอย่างใกล้ชิดจะเห็นโอกาสทางการตลาด แต่ต้องเร็ว เพราะช้าไปก้าวเดียวประเทศอื่นคว้าไปก่อนได้ แต่ปีนี้มั่นใจว่าครึ่งหลังจะเป็นโอกาสของประเทศไทย เพราะเวียดนามคู่แข่งรายสำคัญไม่มีข้าวขายแล้ว ปีหนึ่งๆ ทั้งโลกบริโภคข้าวสารประมาณ 30 ล้านตัน หากเวียดนามจะขายก่อนก็ปล่อยให้ขาย เพราะสุดท้ายเราก็ขายได้ ไม่ต้องไปขายแข่งกันโดนตัดราคาเปล่า"
 
นายนิพนธ์ กล่าวถึงการระบายข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลว่า รองนายกรัฐมนตรีตั้งเป้าระบาย 3 ล้านตัน (ขณะนี้ระบายไปแล้วประมาณ 1.6 ล้านตัน) ในความเห็นส่วนตัวคิดว่าระบายออกได้ 4 ล้านตัน ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องเก็บสต๊อกข้าวไว้ถึง 2 ล้านตัน แค่ 1 ล้านตันก็ถือว่ามากแล้ว สาเหตุที่คิดว่าประเทศไทยไม่ควรเก็บสต๊อกข้าวไว้มากนั้น เพราะผลผลิตข้าวในประเทศมีเก็บเกี่ยวตลอดทั้งปี ทุกครัวเรือนมีสต๊อกข้าวเพื่อเก็บไว้บริโภคกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นหากรัฐบาลจะเก็บสต๊อกไว้จำนวนมากนอกจากข้าวจะเสื่อมสภาพแล้ว ยังต้องเสียค่าเช่าโกดังอีก ปริมาณข้าวในสต๊อกที่มีอยู่จึงสามารถระบายออกได้ 4 ล้านตัน เบื้องต้นได้เรียนนายกรัฐมนตรีและทางกระทรวงพาณิชย์แล้ว 
  
ขณะที่แหล่งข่าวในวงการค้าข้าว กล่าวว่าจากการที่รัฐบาลได้ระบายข้าวออกไปแล้วประมาณ 1.6 ล้านตัน โดยขายให้กับผู้ส่งออกได้แก่บริษัทข้าวไชยพร จำกัด บริษัท แคปปิตัลซีเรียลส์ จำกัด บริษัท เอเชียโกลเด้นไรซ์ จำกัด บริษัท พงษ์ลาภ จำกัด โดยวิธีเรียกผู้ส่งออกเข้ามาเสนอราคาซื้อ ขณะนี้ร่ำลือกันในวงการค้าข้าวว่ามีผู้ส่งออกหน้าใหม่ที่ไม่ใช่ 4 ราย และไม่ได้เป็นสมาชิกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เสนอซื้อข้าวจากสต๊อกรัฐบาลในจำนวนที่ค่อนข้างมากด้วย
 
ด้านนางสาวกอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่าอยากให้รัฐบาลเปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับสต๊อกข้าวของรัฐบาล ณ เวลานี้ว่าคงเหลือเท่าไร ขายออกไปแล้วเท่าไร ให้ผู้ซื้อรายใดบ้าง เพื่อจะได้เกิดความโปร่งใสและผู้ส่งออกจะได้วางแผนธุรกิจการค้าได้อย่างถูกต้องด้วย แม้ว่าสถานการณ์ส่งออกข้าวครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มที่ดีในแง่ของความต้องการ แต่ปัญหาค่าเงินบาทแข็ง ทำให้รายรับของผู้ส่งออกหายไป ส่วนเป้าหมายส่งออกปีนี้เบื้องต้นยังคงยืนอยู่ที่ตัวเลข 8.5 ล้านตัน

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@thairiceexporters.or.th


Copyright © 2009 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.