ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ราคาข้าวของไทยยังขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือน ธ.ค. 2553 ถึงช่วงไตรมาสแรกปี 2554 คาดว่าราคาเฉลี่ยเกษตรกรขายได้จะเพิ่มขึ้น 5-10% เมื่อเทียบกับราคาเฉลี่ยปี 2553 ส่วนราคาส่งออกข้าวเฉลี่ยทุกประเภทเพิ่มขึ้น 10% เช่นกัน
ทั้งนี้ ราคาได้รับแรงหนุนจากความต้องการข้าวในตลาดโลกที่อยู่ในเกณฑ์สูง รวมทั้งประเทศผู้นำเข้าหันมาซื้อข้าวจากไทย เนื่องจากเวียดนามงดลงนามสัญญาส่งออกชั่วคราว เป็นผลจากมีคำสั่งซื้อรอส่งมอบเต็มไปถึงช่วงไตรมาสแรกปี 2554
สำหรับภาวะอุทกภัยในช่วงปลายปี 2553 ทำให้ผลผลิตข้าวจะเสียหายโดยสิ้นเชิง 5-6 แสนตันข้าวเปลือก หรือ 3-3.6 แสนตันข้าวสาร คิดเป็น 1.5-1.8% ของผลผลิตข้าวนาปี
อย่างไรก็ตาม คาดว่าความเสียหายดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออก รวมทั้งยังสามารถปลูกชดเชยได้ในช่วงข้าวนาปรังสำหรับราคาหลังจากไตรมาสแรกต้องรอดูปริมาณผลผลิตข้าวนาปรังประมาณต้นไตรมาสสอง ซึ่งผลผลิตที่ออกมาดังกล่าวจะมีผลผลิตข้าวขาว และข้าวหอมปทุมธานี 1 เป็นหลัก คาดว่าจะมีปริมาณเพิ่มขึ้นเป็น 9.2 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้น 12.2% ส่วนหนึ่งเนื่องจากการปลูกชดเชยข้าวนาปีที่เสียหายจากภาวะน้ำท่วม โดยจะกระทบต่อราคาข้าวขาว แต่คาดว่าราคาข้าวหอมมะลิและข้าวเหนียวคาดว่ายังอยู่ในเกณฑ์สูงต่อเนื่องไปจนถึงต้นไตรมาสสุดท้ายของปี 2554
แหล่งข่าวจากสำนักงานเศรษฐ กิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ราคาข้าวในตลาดโลกยังคงมีแนวโน้มการปรับสูงขึ้น เนื่องจากผลผลิตข้าวในพื้นที่เพาะปลูกต่างๆ เช่น ปากีสถาน อินเดีย และจีน มีแนวโน้มลดลงตามสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน
“ราคาข้าวหอมมะลิที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจะส่งผลดีต่อรายได้เกษตรกรและจูงใจให้ผลิตเพิ่มขึ้น” แหล่งข่าวเปิดเผย
ขณะเดียวกันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนควรต้องวางแผนเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายสต๊อกข้าวและปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มมากขึ้น สมาคมโรงสีข้าวไทยเปิดเผยว่า ราคาข้าวหอมมะลิในประเทศมีราคาขายอยู่ที่ประมาณตันละ 1.35 หมื่นบาท
ที่มา โพสต์ทูเดย์
|