นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) กล่าวถึงกรณีบริษัท เอ็มที เซ็นเตอร์เทรด จำกัด ขอขยายระยะเวลาการขนข้าวในสต็อกรัฐบาล จำนวน 1.9 ล้านตัน จากกำหนดเวลาไว้ 5 เดือน เป็น 18 เดือน ว่า ตามมติ ครม.การระบายข้าวถ้าตนหรือนายกฯ คนใดคนหนึ่งเห็นชอบ จึงเซ็นสัญญาได้ แต่ในกรณีนี้เซ็นสัญญาไม่ได้เพราะปริมาณมากเกินไป หาคนมาค้ำประกันไม่ได้ จึงมีหนังสือมาหาตนว่าขนไม่ทัน จึงได้หารือนายกฯความเห็นว่าให้เขาไปทำสัญญาใหม่และให้ถามว่าภายใน 180 วัน ตั้งแต่วันที่เซ็นสัญญาขนได้เท่าไร ก็ให้ซื้อเท่านั้น โดยเลิกสัญญาเดิมแล้วทำสัญญาใหม่

ส่วนบริษัทเอ็มทีฯ นั้น นายไตรรงค์ กล่าวว่า ยังสามารถยื่นเสนอได้ เพราะไม่มีความผิดอะไร สัญญาเก่าก็เลิกไปทำสัญญาใหม่ แต่สัญญาใหม่ต้องเป็นปริมาณข้าวที่สามารถขนได้ใน 180 วัน

นายไตรรงค์ กล่าวด้วยว่า ในการขายข้าวได้หารือกับนายกฯ แล้ว ซึ่งนายกฯ ไม่ได้ฝากอะไร แต่ได้ปรึกษากัน ซึ่งกรณีนี้ตนไม่เซ็นขยายเวลาให้ และมีความเห็นพ้องกันว่าให้ทำสัญญาใหม่ ขนออกได้เท่าไรก็ให้เซ็นสัญญาเท่านั้น

เมื่อถามว่า กรณีนี้มีผลประโยชน์ทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ นายไตรรงค์ กล่าวสวนทันทีว่า “ไม่ทราบ อันนี้ผมไม่เกี่ยว เขาพิจารณามา 2 - 3 ชุด ก่อนส่งให้ผมดู ผมมีคณะที่ปรึกษาดูว่าราคาที่ขายเหมาะสมหรือไม่”

เมื่อถามว่า จะไม่มีการเข้าไปตรวจสอบการทุจริตเลยใช่หรือไม่ นายไตรรงค์ กล่าวตอบโต้ทันทีว่า “ทุจริตอะไรคุณ (สื่อ) พูดว่าทุจริต ใครทุจริตผมไม่รู้เรื่องใครกล่าวหาไปฟ้องศาลซิ มาพูดอะไรกับผม ผมไม่รู้เรื่องใครกล่าวหาอะไร

เมื่อถามว่า หากผลประโยชน์ไปตกอยู่กับนักการเมืองที่มีอำนาจ จะทำให้เกิดปัญหา ความศรัทธาจากประชาชนหรือไม่ นายไตรรงค์ กล่าวว่า “ปัญหาอะไร เกิดปัญหากับใคร ประชาชนเขาก็ศรัทธาน้อยลง ถ้าเขารู้ว่าโกงก็แค่นั้นเอง ถ้าเขาเชื่อคุณ แต่ทำไมพูดกันว่าคอร์รัปชัน ทำไม่มีใครฟ้อง คอร์รัปชันตรงไหนโกงตรงไหน”

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งหมดเราต้องคำนึงถึงแผนการระบายข้าว เพราะฉะนั้นเงื่อนไขที่กำหนดไว้ว่าต้องระบายข้าวภายในเวลาเท่าไหร่ ต้องทำให้ได้ ซึ่งต้องไปดูว่าปัญหาของการระบาย ในแต่ละสัญญาที่จะทำกันเป็นอย่างไร โดยต้องระมัดระวัง ไม่ให้ใครมาแสวงประโยชน์

เมื่อถามว่าถึงการให้บริษัทดังกล่าวทั้งที่ไม่มีขีดความสามารถ ไม่มีความผิดปกติหรืออย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มันมีหลักเกณฑ์อยู่ ว่าเขาจะต้องมีคำสั่งในเรื่องของการส่งออก ถ้าเขาไม่มีจริงก็เท่ากับว่าเขาทำผิดกฎหมาย ซึ่งนายไตรรงค์กำลังดูอยู่ ถ้าเขาทำไม่ได้ ก็ต้องไปยกเลิก ถ้าเขามีผลประโยชน์ขัดกันตามหลักของราชการ ก็ผิดระเบียบ

เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีจะเข้าไปตรวจสอบหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ให้นายไตรรงค์ไปตรวจสอบอยู่ ส่วนที่นายไตรรงค์ระบุว่าไม่มีการตรวจสอบเรื่องทุจริตนั้นก็คงไม่ใช่ เพราะว่าตนสั่งไปชัดเจนให้ตรวจสอบ แล้วท่านก็บอกว่าจะตรวจสอบ

“ท่านพูดกับผมอย่างนี้ครับว่าไอ้ที่มีคำกล่าวหาต่างๆ ขณะนี้ จะไปบอกว่าท่านไปรับรู้อะไรต่างๆ ในรายละเอียดทั้งหมด ท่านก็ยอมรับว่า ท่านไม่ได้ทราบรายละเอียดทั้งหลายที่มีการกล่าวหา ส่วนปัญหาที่เป็นข่าวทั้งหมดก็มีการไปสอบอยู่ ส่วนมันจะทุจริตหรือไม่ ก็ต้องรอให้มีการสอบออกมา” นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่าแต่นายไตรรงค์ให้สัมภาษณ์เมื่อสักครู่ว่า จะไม่มีการตรวจสอบการทุจริตและจะให้สิทธิบริษัทดังกล่าวยื่นเข้ามาใหม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คงไม่ใช่อย่างนั้น ดังนั้นตนคงจะต้องคุยกับนายไตรรงค์ใหม่อีกรอบแน่นอน ส่วนบริษัทเดิมจะเข้ามาได้อีกหรือไม่ ตนก็จะสอบถามว่ามีความเหมาะสมความน่าเชื่อถือหรือไม่

“ผมไม่รู้ว่าท่าน (ไตรรงค์) พูดอะไร แต่แปลกใจมากถ้าบอกว่าไม่มีการตรวจสอบ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ