www.thairiceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

"พรทิวา"เร่งตรวจคุณภาพ เล็งระบายข้าว 3 แสนตัน


จากการที่ผลผลิตสินค้าเกษตรฤดูใหม่จะออกสู่ตลาดอีกประมาณ 4-5 เดือนข้างหน้า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เร่งรัดให้กระทรวงพาณิชย์ระบายสินค้าเกษตรตามโครงการรับจำนำของรัฐบาลออกสู่ตลาดก่อนผลผลิตฤดูใหม่จะออกมา แม้ว่าฤดูใหม่นี้รัฐบาลจะใช้นโยบายยกระดับราคาด้วยโครงการประกันรายได้ แต่หากสินค้าตกต่ำเกินเหตุรัฐบาลก็มีความจำเป็นต้องแทรกแซงด้วยการรับซื้อเข้าสต๊อกเพื่อดึงซัพพลายออกจากตลาด จึงจำเป็นต้องเตรียมพื้นที่ไว้รองรับ อย่างไรก็ดีแม้จะมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการ แต่นายกรัฐมนตรีได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

ตั้ง 7 อรหันต์

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าการติดตามเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิดสังเกตได้จากเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน ที่ผ่านมา นายอภิสิทธิ์ ได้ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีดูแลเรื่องกลยุทธ์การตลาด การตรวจสอบสต๊อกสินค้าเกษตรตามโครงการรับจำนำและประกันรายได้สินค้าเกษตร 3 ชนิด ได้แก่ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด
         
โดยคณะที่ปรึกษาทั้ง 7 คน ประกอบด้วยนายนิพนธ์ วงษ์ตระหง่าน นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ดร.อำพน กิตติอำพน ดร.ชัยพัฒน์ สหัสกุล นายสมชาย สกุลสุรรัตน์ นายอำนวย ปะติเส และนายปราโมทย์ วานิชานนท์ ซึ่งทั้ง 7 คนบางคนเป็นที่ปรึกษาด้านการเกษตรและพาณิชย์ของนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจอยู่แล้ว แต่เนื่องจากเป็นผู้มีความรู้ความสามารถด้านสินค้าเกษตรเป็นการเฉพาะจึงได้รับแต่งตั้งจากนายกรัฐมนตรีให้มาดูเรื่องนี้เป็นพิเศษ
 
ทั้งนี้คณะทำงานทั้ง 7 คน มีหน้าที่คือ 1.กลั่นกรองกำหนดราคาสินค้าเกษตรที่เหมาะสม 2.จัดทำยุทธศาสตร์เพื่อลดภาระสินค้าในสต๊อกของรัฐ 3.ให้ข้อเสนอแนะแนวทางบริหารสินค้าเกษตร 4.ติดตามตรวจสอบปริมาณ คุณภาพ ที่เก็บรักษาคลังกลาง โดยผลการปฏิบัติหน้าที่ทั้งหมดต้องรายงานตรงให้นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีรับทราบตามลำดับ

ส่ง 22 ทีมตรวจสต๊อก
 
แหล่งข่าวกล่าวว่าภายหลังจากแต่งตั้งคณะที่ปรึกษาแล้ว ล่าสุดเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม นายอภิสิทธิ์ ยังได้มีคำสั่งอีกฉบับหนึ่งแต่งตั้งคณะทำงานติดตามและตรวจสอบสต๊อกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง อีก 12 คน  ประกอบด้วยนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธาน นายอำนวย ปะติเส เป็นรองประธาน และคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีที่ดูแลกลยุทธ์การตลาด การตรวจสอบสต๊อกสินค้าเกษตร ตามโครงการรับจำนำที่เหลืออีก 6 คนเป็นกรรมการ ส่วนกรรมการอีก 4 คนประกอบด้วยอธิบดีกรมการค้าภายใน รองอธิบดีกรมบัญชีกลาง ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เป็นกรรมการและเลขานุการ ผู้แทนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
 
"ภารกิจตรวจสต๊อกมันสำปะหลังเป็นงานเร่งด่วนมาก นายกรัฐมนตรีให้เวลาเพียง 15 วัน เพราะฉะนั้นหลังจากได้รับแต่งตั้งเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม แล้ว ต่อมาวันที่ 9 กรกฎาคม คณะทำงานได้ประชุมร่วมกันทันที และกำหนดออกตรวจสต๊อกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังระหว่างวันที่ 14-17 กรกฎาคม หลังจากนั้นวันที่ 17-19 กรกฎาคม จะประมวลผลการตรวจสต๊อกทั้งหมด และนัดประชุมร่วมกันอีกครั้งวันที่ 20 กรกฎาคม พร้อมรายงานผลการตรวจสต๊อกทั้งหมดให้นายกรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีรับทราบวันที่ 21 กรฎาคม"แหล่งข่าวกล่าวและว่า
 
สำหรับทีมตรวจสต๊อกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังครั้งนี้ได้แบ่งสายตรวจออกเป็น 22 ทีม เบื้องต้นได้รับรายงานว่าปัจจุบันมีสต๊อกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังตามโครงการรับจำนำ แยกเป็นแป้งมันสำปะหลัง 137,345 ตัน จากโกดังกลางเก็บสินค้า 18 โกดัง มันเส้น 1,441,311 ตัน จากโกดังกลางเก็บสินค้าทั้งสิ้น 126 โกดัง

อาจเจอสต๊อกลม
 
แหล่งข่าวเปิดเผยเพิ่มเติมว่า เหตุที่นายกรัฐมนตรีเร่งรัดตรวจสต๊อกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เพราะได้รับรายงานเข้ามาว่าขณะนี้ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังที่อยู่ในสต๊อก อาจจะมีเพียงตัวเลขแต่ปริมาณสินค้าไม่มีหรือเป็นที่ทราบกันดีคือเป็น "สต๊อกลม"นั่นเอง เพราะว่าที่ผ่านมาตลาดมีความต้องการทั้งมันเส้นและแป้งมันมาก แต่สินค้าในตลาดหาได้ยากและราคาสูง เนื่องจากวัตถุดิบคือหัวมันสดประสบภัยแล้งและเพลี้ยแป้งระบาดทำให้ได้ผลผลิตน้อยลง อาจทำให้เกิดการดึงมันเส้นและแป้งมันจากโกดังของรัฐไปหมุนเวียนก่อน
            
นอกจากนี้สินค้าที่มีอยู่ในสต๊อกของรัฐยังได้รับรายงานด้วยว่ามีความเสื่อมสภาพเกินเหตุ เนื่องจากการละเลยของเจ้าหน้าที่ที่กำกับดูแล จึงเป็นผลให้เจ้าของโกดังไม่ค่อยให้ความสนใจดูแล ซึ่งการตรวจสต๊อกครั้งนี้ใน 22 ทีมจะมีเจ้าหน้าที่บริษัทเซอร์เวย์ร่วมตรวจด้วย หากโกดังไหนมีปัญหาเจ้าหน้าที่และเจ้าของโกดังจะต้องรับผิดชอบ

"ข้าว"คิวต่อไป
 
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่าหลังจากที่ได้แต่งตั้งคณะทำงานติดตามและตรวจสอบสต๊อกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังแล้ว แม้ว่าขณะนี้ยังไม่ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานติดตามและตรวจสอบสต๊อกข้าว แต่คาดว่าหลังจากตรวจสต๊อกมันแล้วเสร็จ คือประมาณปลายเดือนกรกฎาคมนี้จะมีการตรวจสอบสต๊อกข้าว ส่วนประธานและคณะทำงานจะเป็นชุดเดิมหรือไม่นั้นต้องรอดูคำสั่งแต่งตั้งอีกครั้งหนึ่ง
 
สำหรับสต๊อกข้าวโพดไม่ได้ดำเนินการใดๆ เนื่องจากข้าวโพดตามโครงการรับจำนำของรัฐบาลขณะนี้ไม่มีเหลืออยู่ในสต๊อกแล้ว เหลือเพียงข้าวกับมันสำปะหลังเท่านั้น

ราคาข้าวร่วง-มันปกติ
 
ด้านแหล่งข่าวในวงการค้ามันสำปะหลัง กล่าวว่าจากการที่รัฐบาลเริ่มออกตรวจสต๊อกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังวันนี้ (14 กรกฎาคม) เป็นวันแรก ความเคลื่อนไหวของราคามันเส้นและแป้งมันสำปะหลังยังอยู่ในภาวะปกติ กล่าวคือราคามันเส้นส่งมอบหน้าโกดังผู้ส่งออกกก.ละ 6.20-6.30 บาท โดยเป็นราคายืนมาประมาณ 1 สัปดาห์แล้ว ส่วนแป้งมันสำปะหลัง กก.ละ 15-17 บาท และของค่อนข้างหายากทั้งมันเส้นและแป้งมัน
 
"ถึงจะเป็นสต๊อกลมหรือสินค้าเสื่อมสภาพ แต่ผู้ที่นำสินค้าของรัฐบาลไปหมุนก่อนคงหาซื้อของไปทดแทนสต๊อกได้ยาก เพราะของหายากเพราะฉะนั้นงานนี้ได้เห็นสต๊อกลมมันสำปะหลังและสินค้าเสื่อมสภาพอย่างแน่นอน"
 
ขณะที่แหล่งข่าวในวงการค้าข้าว กล่าวว่าหลังจากที่มีข่าวว่ารัฐบาลจะระบายสต๊อกข้าว โดยล่าสุดมีข่าวว่าจะระบายสต๊อกข้าวขาว 2 ล้านตันเศษ จากปริมาณข้าวในสต๊อก 5.6 ล้านตัน เป็นข้าวขาวประมาณ  4.5 ล้านตันข้าวหอมปทุมธานี 650,000 ตัน หอมจังหวัด 78,000 ตัน ข้าวเหนียว 156,000 ตัน ในจำนวนนี้ข้าวขาวบางส่วนได้เสื่อมสภาพไปบ้างแล้ว ข้าวหอมปทุมธานีจะเก็บไว้ขายภายในประเทศ ส่งผลให้ราคาข้าวขาวลดลง จากวันจันทร์ (12 กรกฎาคม) ผู้ส่งออกเสนอราคากระสอบละ 1,330 บาท วันอังคาร (13 กรกฎาคม)ลงเหลือกระสอบละ 1,220 บาท หรือภายในเวลา 1 วันลดลงถึงกระสอบละ 110 บาท
         
อย่างไรก็ดีแม้วิธีการระบายของรัฐบาลจะมี 4 วิธีคือผ่านตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า จีทูจี ขายให้กับผู้ส่งออก เปิดประมูลทั่วไป มีรายงานล่าสุดว่าการระบายข้าวของรัฐบาลเน้นการระบายรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) และผ่านตลาดซื้อขายล่วงหน้า เพื่อไม่ให้กระทบตลาดเอกชน หากจะเปิดประมูลจะเป็นล็อตเล็กๆ เท่านั้น

พ่อค้าวอนขายโปร่งใส
 
ด้านแหล่งข่าววงการค้ามันสำปะหลังเปิด เผยเพิ่มเติมว่า การที่รัฐบาลจะระบายสต๊อกมันสำปะหลังนั้น จะด้วยวิธีใดก็ได้แต่ขอให้มีความโปร่งใสและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ไม่ใช่เอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง และที่สำคัญเวลานี้ผู้ประกอบการในประเทศ ทั้งโรงงานผลิตเอทานอล โรงงานอาหารสัตว์ ผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังขาดแคลนสินค้าอย่างมาก หากเป็นไปได้รัฐบาลควรนำมาขายให้กับผู้ใช้เหล่านี้ ไม่ควรขายจีทูจี เพราะการขายสินค้าจีทูจีจะขายกันก็ต่อเมื่อตลาดเอกชนไม่มีทางออก แต่เวลานี้ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังตลาดมีความต้องการมากหากแต่ไม่มีสินค้าส่งมอบให้กับลูกค้าเพราะฉะนั้นรัฐบาลควรขายให้กับเอกชน
 
แหล่งข่าวในทำเนียบรัฐบาลยอมรับด้วยว่าการระบายสินค้าเกษตรของรัฐบาลสร้างความหนักใจให้กับรัฐบาลพอสมควร เช่นกรณีมันสำปะหลังเอกชนต้องการได้สินค้า แต่รัฐบาลมีแนวทางที่จะนำสินค้าขายให้กับรัฐวิสาหกิจของจีนรายหนึ่งซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่ฮ่องกง เพราะเขามีความต้องการมันเส้นมาก เพื่อแลกกับรัฐวิสาหกิจรายนี้ขายข้าวไทยให้กับอิหร่าน เพราะปัจจุบันสถาบันการเงินของไทยไม่รับแอล/ซีจากประเทศอิหร่าน แต่จะเป็นการเปิดแอล/ซีมาจากฮ่องกง ซึ่งจะทำให้รัฐบาลไทยระบายได้ทั้งข้าวและมันเส้นในเวลาเดียวกัน

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@thairiceexporters.or.th


Copyright © 2009 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.