นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า จากการหารือกับสมาคมผู้ค้าข้าวฮ่องกง และสมาคมนักธุรกิจไทย-มาเก๊า ทั้งหมดมีมติร่วมกันที่จะตั้งคณะทำงานร่วมกันเพื่อวางแผนการขายข้าวในตลาดฮ่องกง ซึ่งข้าวหอมมะลิไทยครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 1 แต่ที่ผ่านมาถูกเวียดนามและจีนแย่งตลาดไปมาก โดยมีการลอกเลียนแบบข้าวหอมมะลิไทยด้วยการทำถุงบรรจุมีภาษาไทย และตราสัญลักษณ์คล้ายคลึงกัน รวมถึงขายถูกกว่าไทย 20% ทำให้ผู้บริโภคชาวฮ่องกงเลือกซื้อข้าวเวียดนามและจีนแทน ส่งผลให้ยอดส่งออกข้าวหอมมะลิไทยมาฮ่องกงลดลงมาก โดยปีนี้ส่งออกได้ 170,000 ตัน จากปีก่อนส่งออกได้ 200,000-300,000 ตัน กระทรวงพาณิชย์จึงต้องส่งเสริมการบริโภคข้าวหอมมะลิไทยในฮ่องกง เพื่อรักษาฐานตลาดและกระตุ้นยอดส่งออกให้กลับมาเท่าเดิม

ด้านนายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ อุปนายกสมาคมผู้ส่งออกข้าว กล่าวว่า ข้าวหอมมะลิของเวียดนามถูกกว่าไทยตันละ 300-400 เหรียญสหรัฐ จึงทำให้ความต้องการข้าวเวียดนามสูงขึ้น ซึ่งในเรื่องราคานั้นต้องเข้าใจว่าต้นทุนข้าวไทยสูงขึ้น เพราะเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาก ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ควบคุมไม่ได้ ขณะที่มาตรฐานข้าวหอมมะลิของไทยที่อยู่ในระดับสูงทำให้ผู้ส่งออกทำงานลำบาก เพราะแข่งกับข้าวระดับล่างไม่ได้ ถือเป็นปัญหาที่รัฐบาลต้องแก้ไขว่าจะทำอย่างไร

นอกจากนี้ต้องการเสนอรัฐให้นำเข้าข้าวเปลือกจากเวียดนาม และกัมพูชา แล้วนำมาสีที่โรงสีของไทย ซึ่งจะทำให้โรงสีและผู้ส่งออกมีข้าวหลายๆระดับที่แข่งขันในตลาดได้ นอกจากนี้ถ้ามีการเปิดเขตการค้าเสรีอาเซียนน่าจะให้ข้าวไหลเข้าไทยได้ และพม่าจะกลายเป็นคู่แข่งสำคัญของไทยในอีก 2 ปีข้างหน้า และน่ากลัวกว่าเวียดนาม เพราะต้นทุนถูกกว่าไทยและเวียดนามมาก

ที่มา แนวหน้า