รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศราคาอ้างอิงสินค้าเกษตร เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ให้รัฐบาลจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างให้เกษตรกร ตามโครงการประกันรายได้เกษตรกร ระหว่างวันที่ 16-31 ม.ค.2553 ข้าวเปลือกความชื้นไม่เกิน 15% ในส่วนข้าวเปลือกหอมมะลิ ราคาอ้างอิงตันละ 15,073 บาท ชดเชยส่วนต่างตันละ 227 บาท ข้าวเปลือกหอมจังหวัดตันละ 14,548 บาท ไม่ต้องชดเชย จากราคาประกันตันละ 14,300 บาท
ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 12,076 บาท ไม่ต้องชดเชย จากราคาประกันตันละ 10,000 บาท ข้าวเปลือกเจ้า 5% ตันละ 10,164 บาท ไม่ต้องชดเชย จากราคาประกันตันละ 10,000 บาท และข้าวเปลือกเหนียวตันละ 11,486 บาท ไม่ต้องชดเชย จากราคาประกันตันละ 9,500 บาท
ส่วนข้าวโพดความชื้นไม่เกิน 14.5% ราคาอ้างอิงกิโลกรัมละ 7.40 บาท ไม่ต้องชดเชย เพราะราคาสูงกว่าราคาประกันที่กิโลกรัมละ 7.10 บาท มันสำปะหลัง กิโลกรัมละ 1.85 บาท ไม่ต้องชดเชย จากราคาประกันกิโลกรัมละ 1.70 บาท
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สัปดาห์หน้าจะประชุมอนุกรรมการระบายข้าวสต็อกรัฐบาล เบื้องต้นจะหารือถึงแนวทางการระบายข้าวในสต็อกรัฐที่มีอยู่ 5-6 ล้านตัน ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ยังไม่มีแผนชัดเจนว่าจะระบายในรูปแบบใดและปริมาณเท่าไร เบื้องต้นจะระบายล็อตเล็กไม่ต่ำกว่าแสนตัน แต่จะไม่ให้มากจนเกินไปและขอยืนยันว่าช่วงเวลานี้เหมาะสม สำหรับการระบายข้าว
ส่วนกระแสข่าวว่าคณะกรรมการข้าวแห่งชาติ (กขช.) ให้ระงับการระบายข้าว 3 แสนตัน เป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เพราะก่อนหน้านี้ กขช. มีคำสั่งดำเนินการระบายข้าว แต่ยอมรับว่าไม่ได้ให้กรอบการระบายที่ชัดเจน ทำให้คณะอนุกรรมการกำหนดจะหารือเพื่อหาแนวทางระบายที่เหมาะสม ขณะที่ระบายผ่านตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า (เอเฟท) นั้นเห็นด้วยและเป็นแนวทางระบายหนึ่ง ที่ได้ดำเนินการปฏิบัติมาก่อนหน้านี้แล้ว
"ตอนนี้เวลาเหมาะ ราคาข้าวอยู่ในทิศทางสูง การระบายครั้งละไม่มาก จะไม่ทำให้ราคาตกต่ำลง โดยข้าวหอมมะลิ เฉลี่ยอยู่ที่ตันละ 1,000 ดอลลาร์ ขณะที่ข้าวขาว 5% จะอยู่ที่ตันละ 580 - 590 ดอลลาร์ ทำให้ขณะนี้ราคาข้าวไทย มีช่วงห่างจากเวียดนามตันละไม่ถึง 100 ดอลลาร์เหมือนเช่นที่ผ่านมา เพราะราคาข้าวเวียดนามปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดเช่นกัน" นางพรทิวา กล่าว
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |