นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงและอัตราชดเชยข้าวเปลือกราคาข้าวเปลือกรอบที่ 1 และ รอบที่ 2 ประจำวันที่ 15 มี.ค. 2553 เพื่อใช้ในการจ่ายเงินชดเชย ระหว่างวันที่ 15-21 มี.ค. 2553 ข้าวเปลือก (รอบที่ 1) ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 8,919 บาท อัตราชดเชยตันละ 1,081 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานี ตันละ 10,204 บาท ไม่ต้องชดเชยข้าวเปลือกเหนียวตันละ 10,519 บาท ไม่ต้องชดเชย
ข้าวเปลือก (รอบที่ 2) ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 8,919 บาท อัตราชดเชยตันละ 1,081 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานีตันละ 10,204 บาท อัตราชดเชยตันละ 796 บาท ข้าวเปลือกเหนียวตันละ 10,519 บาท ไม่ต้องชดเชย
นายชาญชัย รักษ์ธนานนท์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า หากรัฐไม่ดำเนินการแก้ปัญหาเสถียรภาพราคาข้าว จะส่งผลให้ราคาปรับตัวลดลงอาจต่ำกว่าตันละ 8 พันบาทได้ ซึ่งสมาคมได้เสนอแนวทางกำหนดราคาขั้นต่ำ (Floor Price) โดยให้ใช้ราคาอ้างอิงล่าสุดและส่งสัญญาณไปถึงตลาดว่า รัฐบาลไม่ยอมให้ราคาต่ำกว่าลงไปอีก ถ้าดำเนินการจริงจัง ก็จะทำให้ผู้ซื้อในต่างประเทศไม่ชะลอคำสั่งซื้ออีกต่อไป
ทั้งนี้ ราคา Floor Price คำนวณจากราคาเดือน มี.ค. ย้อนหลัง 3 ปี ตันละ 8,919 บาท ซึ่งโรงสีทั่วไปจะซื้อข้าวในตลาดราคาเฉลี่ยตันละ 8.8-8.9 พันบาท มีส่วนต่างกันไม่มาก ทำให้โรงสีไม่จูงใจในการซื้อข้าว
ส่วนโครงการตั้งโต๊ะรับซื้อข้าว โรงสีได้เสนอให้มีการกำหนดราคารับซื้อแบบขั้นบันได เฉลี่ยให้เพิ่มราคารับซื้อจากราคาอ้างอิงไปอีกตันละ 200 บาท ทุกสัปดาห์ จนกว่าราคาจะสูงกว่าราคาตลาดไม่เกิน 10% หรือประมาณตันละ 9.7 พันบาท ซึ่งไม่เกินราคาประกัน และไม่เป็นการบิดเบือนกลไกตลาด
นายชาญชัย กล่าวว่า ข้อเสนอนี้จะเกิดขึ้นได้ ต้องผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ก่อน ซึ่งสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ไม่เอื้ออำนวยให้ประชุม แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะออกมาตรการดูแลราคาข้าวโดยเร็ว
"รัฐบาลส่งสัญญาณไปเลยว่า ราคาข้าวจะไม่ต่ำไปกว่านี้อีกแล้ว ผู้ซื้อต่างประเทศก็กล้าที่จะสั่งออเดอร์ ขณะที่โรงสีที่มีข้าวอยู่ในมือ ก็ไม่ต้องกลัวจนต้องรีบขายข้าวออก เพราะกลัวว่าถ้าถือข้าวต่อไปราคาตกต่ำไปอีก ก็จะทำให้ขาดทุนมาก" นายชาญชัยกล่าว
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
|