นายประเสริฐ โกศัลวิตร อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า เกษตรกรยังไม่ควรทำการปลูกข้าวในช่วงนี้ เพราะมีความเสี่ยงสูงในการปลูกข้าวซ้ำซ้อน ทำให้ข้าวเสียหาย ไม่ได้ผลผลิตตามต้องการ เนื่องจากปริมาณน้ำในเขื่อนยังมีไม่มากพอ โดยตามประกาศขอความร่วมมือเลื่อนทำนาในเขตโครงการชลประทานภาคเหนือตอนล่าง และในเขตโครงการชลประทานเจ้าพระยาใหญ่ ไปจนถึงปลายเดือนกรกฎาคม

ทั้งนี้ คาดว่าจะส่งผลให้ปริมาณข้าวที่เก็บเกี่ยวได้ในเดือนนี้มีปริมาณลดลงประมาณ 1.1 ล้านตัน แต่ไม่กระทบต่อการบริโภคและส่งออก เนื่องจากมีปริมาณข้าวสำรองมากพอ โดยมีข้าวสารประมาณ 5 ล้านตัน และข้าวเปลือก 8-9 ล้านตัน ซึ่งหากเข้าสู่ฤดูฝน ตั้งแต่เดือนสิงหาคม จะมีปริมาณน้ำมากพอสามารถทำการเพาะปลูกได้ คาดว่าช่วงเดือนพฤศจิกายนจะมีผลผลิตข้าวเปลือกออกสู่ตลาดตามปกติ อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่หน้าฝนจะมีพื้นที่บางแห่งที่จะประสบปัญหาน้ำท่วม แนะนำเกษตรกรปลูกข้าวอายุสั้น ซึ่งจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้ในระดับหนึ่ง

ที่มา สำนักข่าวไทย