นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมการค้าต่างประเทศปรับแผนการทำตลาดข้าวไทยใหม่ โดยเฉพาะตลาดที่บริโภคข้าวหอมมะลิไทย ซึ่งจะต้องผลักดันให้ผู้บริโภคที่เป็นลูกค้าข้าวไทย มีความเชื่อมั่นในการบริโภคข้าวไทย ในฐานะที่เป็นข้าวคุณภาพชั้นดีเลิศ (พรีเมียม เกรด) ไม่มีคู่แข่งรายอื่นผลิตได้ เพื่อรักษาตลาดข้าวหอมมะลิไทยให้ส่งออกขยายตัวต่อเนื่อง
“ตลาดข้าวหอมมะลิไทย เราต้องทำให้ลูกค้ามั่นใจว่าข้าวที่เขาบริโภคเป็นข้าวชั้นดีจริงๆ เป็นข้าวที่ไทยผลิตได้เพียงปีละไม่มาก เพื่อให้มีการเพิ่มยอดการสั่งซื้อต่อไป เพราะขณะนี้ยอมรับว่าตลาดเริ่มนิ่ง ประเทศที่บริโภคข้าวหอมมะลิไทย อย่างฮ่องกง จีน สิงคโปร์ ออสเตรเลีย สหรัฐ ยุโรป สั่งซื้อทรงตัว และคู่แข่งอย่างเวียดนาม เริ่มมีการพัฒนาข้าวหอมมะลิขึ้นมาขายถูกกว่าไทยมาก” นางพรทิวา กล่าว
ทั้งนี้การปรับแผนจะเน้นเจาะตลาดลูกค้าระดับบนนอกจากข้าวหอมมะลิแล้ว จะเพิ่มข้าวพรีเมียมเกรดชนิดอื่นๆ เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค เช่น ข้าวหอมมะลิอินทรีย์ และข้าวที่ขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (จีไอ) เช่น ข้าวสังข์หยด ข้าวเจ๊กเชยเสาไห้ ข้าวกาบดำ ข้าวขาวกอเดียว ข้าวเหนียวเขี้ยวงู ข้าวเหลืองปะทิว ถือเป็นข้าวชนิดพิเศษที่แต่ละปีผลิตได้ไม่มาก แต่สามารถใช้เป็นจุดแข็งในการเจาะตลาดผู้บริโภคระดับบนได้
ทั้งนี้ สำหรับข้าวหอมมะลิอินทรีย์ ขณะนี้ตลาดต่างประเทศ เช่น ยุโรป สหรัฐ ออสเตรเลีย จีน ฮ่องกงและสิงคโปร์ มีความต้องการเพิ่มมากขึ้น เพราะตื่นตัวกับกระแสรักสุขภาพและการปกป้องสิ่งแวดล้อม
ขณะที่ข้าวจีไอ เป็นข้าวชนิดพิเศษของไทย ปลูกได้จำนวนจำกัด และมีเฉพาะแค่บางพื้นที่ ผลิตได้ปีละไม่มาก หากนำมาใช้เป็นจุดแข็ง และขายกลุ่มลูกค้าตลาดบน เชื่อว่าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเพิ่มโอกาสให้กับข้าวไทย
"ข้าวไทยถูกเวียดนามตีตลาด โดยใช้ราคาเป็นข้อได้เปรียบ ทำให้ส่วนแบ่งการตลาดของไทยลดลง อย่างตลาดสิงคโปร์ เดิมไทยครองส่วนแบ่งตลาดเกือบทั้งหมด แต่ขณะนี้เวียดนามเริ่มเข้ามา โดยเฉพาะตลาดข้าวระดับล่าง เราต้องปรับโครงสร้างการผลิตข้าวของไทยทั้งระบบ ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้แข่งกับเวียดนามได้"
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
|