นายประเสริฐ โกศัลวิตร อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เกิดอุทกภัยทั่วประเทศตั้งแต่เดือน ส.ค.-พ.ย. พบว่า มีพื้นที่นาข้าวที่คาดว่าจะเสียหายทั้งสิ้น 7.647 ล้านไร่ เบื้องต้นคาดว่าผลผลิตจะเสียหายประมาณ 6.01 แสนตันข้าวเปลือก คิดเป็น 2.62% ของประมาณการผลผลิตข้าวรอบที่ 1 ที่ประมาณการไว้ที่ 22.94 ล้านตันข้าวเปลือก ดังนั้นจะเหลือผลผลิตข้าวปี 2553/54 รอบที่ 1 ประมาณ 22.34 ล้านตันข้าวเปลือก
 
อย่างไรก็ตาม จะไม่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกข้าวและไม่กระทบกับการบริโภคข้าวในประเทศ เนื่องจากไทยยังสามารถส่งออกข้าวได้ตามเป้าหมายคือ 8-10 ล้านตันข้าวสาร อีกทั้งใน 4 เดือนข้างหน้าจะมีข้าวรอบใหม่ออกสู่ตลาดอีกจำนวนหนึ่ง
 
อธิบดีกรมการข้าว กล่าวอีกว่า สำหรับสถานการณ์ราคาข้าวในตลาดโลกต่อจากนี้จะมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากประเทศผู้ผลิตข้าวรายใหญ่ของโลกได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ทั้งอุทกภัยและวาตภัย เช่น จีน ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย อินเดีย อียิปต์ออสเตรเลีย เวียดนาม อีกทั้งแหล่งปลูกข้าวขนาดใหญ่ในปากีสถานได้รับความเสียหายจากอุทกภัยด้วย ดังนั้นจึงทำให้ปริมาณข้าวที่จะออกสู่ตลาดมีปริมาณจำกัดและมีปริมาณลดลง
 
นอกจากนี้ ผลผลิตธัญพืชชนิดอื่นจะมีราคาสูงขึ้นด้วย เนื่องจากแนวโน้มราคาพลังงานโดยเฉพาะน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ทำให้พืชพลังงานทดแทนและพืชพลังงานที่สัมพันธ์กับราคาน้ำมัน เช่น ข้าวโพด อ้อย มันสำปะหลัง รวมทั้งพืชอื่นๆ ข้าวและยางพาราจะมีราคาสูงขึ้นด้วย
 
ขณะที่แหล่งปลูกข้าวสาลีขนาดใหญ่ที่สำคัญ ๆ ของโลก เช่น รัสเซีย แคนาดา ยูเครน คาซัคสถาน ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ อาจส่งผลให้ราคาข้าวมีแนวโน้มสูงขึ้น ในส่วนของประเทศไทยราคาข้าวมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากเอกชนและพ่อค้าเข้ามาแย่งซื้อข้าวในตลาดมากขึ้น เพื่อนำไปส่งออกเนื่องจากคาดว่าปริมาณข้าวในโลกลดลง ประเทศผู้ผลิตข้าวรายใหญ่และประเทศผู้ซื้อรายใหญ่ก็มีปริมาณลดลงจึงส่งผลให้ราคาข้าวสูงขึ้น

ที่มา โพสต์ทูเดย์