นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.วานนี้ (18 พ.ค.) อนุมัติหลักการให้นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ระบายข้าวสารในสต็อกรัฐบาล ในรูปแบบรัฐต่อรัฐ และจำหน่ายให้กับเอกชนเพื่อส่งออก ในราคา ปริมาณ และระยะเวลาที่เหมาะสม โดยต้องเสนอให้ที่ประชุม กขช. ให้ความเห็นชอบก่อนการระบาย
แนวทางการระบายข้าวสารในสต็อกรัฐบาลในรูปแบบรัฐต่อรัฐ จะดำเนินการในราคามิตรภาพและระยะเวลาที่เหมาะสม โดยระบายไปตลาดต่างประเทศ ที่นอกเหนือจากตลาดปกติของผู้ส่งออกข้าว เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อธุรกิจของผู้ประกอบการค้าข้าว หรือให้แรงจูงใจผู้ส่งออกเร่งหาตลาดใหม่ และขายข้าวส่งออกในราคาที่สูงขึ้น ที่สำคัญต้องดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้วงการค้าข้าวเกิดความปั่นป่วน
แหล่งข่าวกล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลมีข้าวสารอยู่ในสต็อกจำนวน 5 ล้านตัน โดยนางพรทิวาได้เสนอให้ ครม.อนุมัติหลักการให้ระบายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐครั้งละไม่เกิน 3 แสนตัน และจำหน่ายให้เอกชนเพื่อส่งออกครั้งละไม่เกิน 1 แสนตัน แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เห็นว่าไม่ควรกำหนดปริมาณข้าวที่จะระบายเอาไว้ แต่ก่อนที่จะมีการระบาย จะต้องเสนอ กขช.เห็นชอบก่อน
นายวัชระ กล่าวว่า ครม.ยังอนุมัติงบจำนวน 436.8 ล้านบาท ให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) นำไปชดเชยรายได้ให้เกษตรกรชาวนา ที่ขาดทุนจากการเข้าร่วมโครงการประกันรายได้ ช่วงระหว่างวันที่ 15 มี.ค.-25 เม.ย.2553 ซึ่งมีการใช้สิทธิ 1.921 ล้านตัน โดยชดเชยผลขาดทุนข้าวเจ้า 5% จำนวน 390 ล้านบาท และข้าวปทุมธานี จำนวน 46 ล้านบาท
ครม.ยังเห็นชอบโครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือก โดยให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือกให้ครอบคลุมพื้นที่ข้าวนาปรัง พร้อมกับให้สิทธิโรงสีที่เข้าร่วมที่รับซื้อข้าวเปลือก ตั้งแต่ 1,000 ตันขึ้นไป ให้สีแปรสภาพข้าวเป็นข้าวสารในอัตรา 30% โดยให้ค่าสีแปรสภาพตันละ 500 บาท
ขณะเดียวกันยังเห็นชอบให้ผู้ประกอบการค้าข้าวรับซื้อข้าวเปลือกนาปรังฤดูใหม่ เพื่อสีแปรสภาพเป็นข้าวสารแล้ว นำมาแลกกับข้าวสารเก่าในสต็อกของรัฐบาล โดยผู้ประกอบการค้าข้าวต้องซื้อข้าวเปลือกราคาอ้างอิงบวกเพิ่มอีก 300 บาท
นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ครม.มีมติอนุมัติงบประมาณจำนวน 13 ล้านบาทให้กับกระทรวงพาณิชย์ เพื่อไปใช้ดำเนินการโครงการเพิ่มรายได้และหาช่องทางจำหน่ายข้าวให้เกษตรกรระดับตำบล ซึ่งจะนำไปใช้สร้างโรงสีให้เกษตรกรได้กักเก็บข้าวไว้
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
|