นางสาวกอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าว กล่าวว่า สมาคมฯได้ทำการปรับลดเป้าหมายการส่งออกข้าวในปีนี้เหลือ 8.5 ล้านตัน จากเดิมที่คาดว่าจะส่งออกได้ถึง 9-10 ล้านตัน ทั้งนี้เป็นผลมาจากรายงานตัวเลขการส่งออกในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้ที่ออกมาไม่ดีนัก โดยส่งออกได้เพียงประมาณ 3 ล้านตัน ลดลงจากช่วง 5 เดือนแรกของปีก่อน 5% ทั้งนี้เฉพาะไตรมาส 2 ของปีนี้ พบว่า ปริมาณส่งออกข้าวมีแนวโน้มลดลงเหลือเพียงเดือนละ 600,000 ตัน จากเดิมที่ไทยเคยส่งออกได้เฉลี่ยเดือนละ 700,000 ตัน ทำให้คาดว่าในช่วงครึ่งแรกของปีนี้จะส่งออกได้แค่ 3-4 ล้านตันเท่านั้น ต่ำกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ถึง 11%

"ตัวเลขการส่งออกข้าวของไทยที่ลดลง เป็นผลมาจากตลาดโลกซบเซา ความจริงราคาส่งออก หรือราคาเอฟโอบี ของเราลดลงมามากแล้ว จากช่วงต้นปีอยู่ที่ตันละ 500-600 เหรียญสหรัฐ ขณะนี้ก็ลดลงมาเรื่อยๆอย่างต่อเนื่องจนล่าสุดเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา ราคาเอฟโอบีของข้าวขาว 5% ลดลงมาอยู่ที่ราวตันละ 400 เหรียญสหรัฐแล้ว เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจของประเทศผู้ซื้อและเศรษฐกิจทางฝั่งยุโรปไม่ค่อยดีนัก" นางสาวกอบสุข กล่าว

ส่วนเรื่องค่าเงินบาทแม้ขณะนี้จะไม่ได้แข็งค่ามากนัก แต่เมื่อเทียบกับคู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนาม ถือว่าเงินบาทแข็งค่ากว่าเงินดองมาก และสถานการณ์ส่งออกข้าวปีนี้ต้องยอมรับว่าเวียดนามอาจจะดีกว่าเรามาก เพราะได้สิทธิส่งออกข้าวล็อตใหญ่ให้ฟิลิปปินส์ สมาคมฯจึงคาดว่าปีนี้เวียดนามคงจะรักษาตัวเลขการส่งออกข้าวได้ใกล้เคียงปีที่แล้วที่ประมาณ 6 ล้านตัน ส่วนไทยอยู่ที่ 8.5 ล้านตัน เท่ากับว่าปีนี้จะเป็นปีที่ส่งออกข้าวไทยกับเวียดนามใกล้เคียงสูสีกันมาก ทั้งๆที่ปีก่อนๆไทยส่งออกได้มากกว่าเวียดนามมาก

ด้านนายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์(พณ.) กล่าวว่า ช่วงต้นเดือนกรกฏาคมนี้ กระทรวงพาณิชย์จะจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ หรือเวิร์คช็อปแผนตลาดข้าวกับผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยจะทำการตลาดข้าวแยกรายชนิด เพื่อผลักดันตลาดข้าวและราคาข้าวทั้งในและต่างประเทศให้ดีขึ้น

ขณะที่ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานสถานการณ์การส่งออกข้าวของไทย โดยสรุปว่า ภาวะการส่งออกข้าวของไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังไม่มีแนวโน้มกระเตื้องขึ้น จากกรณีที่มีการคาดการณ์ว่าราคาข้าวจะยังคงลดลง ทำให้ผู้ซื้อข้าวชะลอการซื้อ เพื่อรอดูทิศทางราคา รวมทั้งสต็อกข้าวของรัฐบาลยังเป็นปัจจัยกดดันราคา

ที่มา แนวหน้า