|
พรทิวาลั่นไม่ควบรวม AFET-ตลท. อัดงบฯช่วยอีก 160 ล.เปิดเทรดข้าวขาว 5% ส่งออก
|
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงนโยบายของนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าว่า ต้องการใช้ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) เป็นเครื่องมือการลดความเสี่ยงและกำหนดราคาอ้างอิงสินค้าเกษตรให้กับเกษตรกร แต่ไม่มีนโยบายที่จะควบรวม AFET เข้ากับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยในปีงบประมาณ 2554 กระทรวงพาณิชย์ได้รับงบฯสนับสนุนการดำเนินงานของ AFET วงเงิน 160 ล้านบาท จากที่เสนอไป 180 ล้านบาท ซึ่งทางคณะกรรมการบริหาร AFET จะต้องไปจัดทำแผนผลักดันการซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าเพื่อกระตุ้นให้มีการใช้ประโยชน์มากขึ้น
"อนาคตของตลาด AFET น่าจะคึกคักได้เพราะขณะนี้รัฐบาลได้ปรับมาใช้ โครงการประกันรายได้สินค้าเกษตรแทนโครงการแทรกแซงราคา จึงทำให้ราคาสินค้าเกษตรเป็นไปตามกลไกตลาด จากเดิมที่เคยตั้งราคารับจำนำสูงจนบิดเบือนกลไกตลาด และทำให้ผู้ค้าและนักเก็งกำไรไม่สนใจที่จะเข้ามาซื้อขายในตลาด AFET เพราะทุกอย่างยังไหลเข้าสู่มือรัฐบาล" นางวัชรีกล่าว
ด้านนายนิทัศน์ ภัทรโยธิน กรรมการผู้จัดการตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) เปิดเผยว่า ขณะนี้ AFET เตรียมเสนอแผนการดำเนินงานของตลาดในปี 2554 ให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร AFET รับทราบ เบื้องต้นจะมีการ เตรียมจัดทำสัญญาซื้อขายสินค้าข้าวขาว 5% เพื่อการส่งออก จากเดิมที่จะทำการซื้อขายสำหรับธุรกิจภายในประเทศเท่านั้น โดยจะปรับเปลี่ยนเงื่อนไขให้ภาคเอกชนที่เกี่ยวกับธุรกิจในลักษณะที่มีสินค้าส่งมอบได้จริง แต่เปิดให้ผู้ซื้อต่างประเทศสามารถเข้ามาซื้อขายได้ การซื้อขายจะกำหนดเป็นรูปเงินบาท โดยคำนวณเทียบกับราคาส่งออก FOB
"ผมหวังว่า AFET จะมีบทบาทมากขึ้นคล้ายกับตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าชิคาโก ซึ่งสามารถใช้เป็นแหล่งราคาอ้างอิงตลาดข้าวได้ในตะวันตก AFET ก็น่าจะใช้เป็นตลาดอ้างอิงในกลุ่มเอเชียเราได้ และจะสามารถขยายขอบเขตกลุ่มลูกค้ากว้างมากขึ้น โดยเฉพาะผู้นำเข้า เทรดเดอร์ จากเดิมจะเน้นเฉพาะกลุ่มโรงสี ผู้ค้า ผู้ส่งออกข้าวในประเทศเท่านั้น" นายนิทัศน์กล่าว
ขณะนี้ AFET กำลังอยู่ระหว่างการหารือกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องเพื่อรับฟังความ คิดเห็น โดยทั้งสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยและสมาคมโรงสีข้าวไทยต่างให้การสนับสนุน คาดว่าจะเสนอที่ประชุมคณะกรรมการ บริหารฯได้ภายในเดือนตุลาคมนี้ และจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ภายในปีนี้ ซึ่งจะช่วยให้จำนวนสัญญาซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน เพิ่มขึ้น จากขณะนี้ปริมาณการซื้อขายสินค้าล่วงหน้าในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเฉลี่ย อยู่ที่ 436 สัญญา/วัน หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 89 สัญญา/วัน
สำหรับผลประกอบการในเดือนล่าสุด (กรกฎาคม 2553) มีการซื้อขายทั้งหมด 8,724 สัญญา หรือเฉลี่ย 436 สัญญา/วัน คิดเป็นมูลค่าการซื้อขาย 4,072.94 ล้านบาท เป็นการซื้อขายผ่าน Internet 2,252 สัญญา ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2552 ซึ่งมีการซื้อขายทั้งหมด 6,959 สัญญา เฉลี่ย 347 สัญญา มูลค่า 2,113.08 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ต 1,407 สัญญา
นายชาญชัย รักษ์ธนานนท์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า เห็นด้วยที่จะมีการเปิดซื้อขายสัญญาข้าว 5% เพื่อการส่งออกและควรเร่งดำเนินการโดยเร็วเพราะ จะทำให้ AFET มีกลุ่มลูกค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์สำหรับการใช้ราคาข้าว 5% เป็นราคาอ้างอิง ส่วนเงื่อนไขได้มีการหารือกับทางผู้บริหาร AFET เบื้องต้นแล้วว่าจะคำนวณเป็นเงินบาท ในอัตราแลกเปลี่ยนวันที่ซื้อขาย ซึ่งแต่ละสัญญาจะมีปริมาณ 21 ตัน หรือ 1 ตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อสะดวกในการคำนวณเรื่องค่าใช้จ่ายในการขนส่ง
"ได้หารือกันไปหลายรอบแล้ว ทางโรงสีก็เห็นด้วยว่า ควรจะรีบดำเนินการ เพราะข้าวขาวส่งออกมาก จะได้ประโยชน์ในการดูราคาอ้างอิงที่นี่ แต่ทางตลาด AFET กำลังคำนวณค่าใช้จ่าย เช่น ค่ากระสอบ ค่าตรวจสอบส่งมอบ ต้องมีการคำนวณออกมาชัดเจน วางเงิน เบี้ยวกันไม่ได้ ส่วนเรื่องความผันผวนอัตราแลกเปลี่ยนไม่มีปัญหาเพราะซื้อฟอร์เวิร์ดเรตไว้ล่วงหน้าเลย ถึงบาทจะแข็งค่าขึ้นก็ไม่เป็นไร" นายชาญชัยกล่าว
่ที่มา ประชาชาติธุรกิจ
|
|
|
|
|
© Thai Rice Exporters Association
37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678
E-mail : contact@thairiceexporters.or.th
Copyright © 2009 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.
|
|
|