นางสาวกอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดข้าวในสัปดาห์นี้ ข้าวขาวปรับตัวลดลงเฉลี่ยตันละ 500 บาท สาเหตุสำคัญมาจากผลกระทบด้านจิตวิทยา ที่รัฐบาลจะเปิดการระบายข้าวในสต็อกปริมาณ 3.7 แสนตันในวันนี้ (21 ม.ค.)
ภาพรวมระดับราคาไม่น่าจะลดลงมาก เพราะเป็นการเปิดประมูลในปริมาณต่ำ แต่เชื่อว่าจะมีผู้ส่งออกเข้าร่วมเสนอราคาซื้อจำนวนมาก เบื้องต้นมีความเป็นไปได้ ในส่วนข้าวใหม่จะมีการเสนอซื้อตามราคาตลาด แต่ข้าวเก่าและสภาพอาจไม่ดีนัก จะได้ราคาตามสภาพไป
"ตอนนี้ข้าวในตลาดก็มีมาก ข้าวเปลือกอาจจะน้อย แต่ข้าวสารมากอยู่ ซึ่งโรงสีที่ข้าวอยู่ในมือและไม่ต้องการเสี่ยงกับสถานการณ์ราคาจากนี้ จะตัดสินใจขายข้าว แต่บางแห่งยังถือเก็บไว้ แต่ผลจากการประมูล น่าจะส่งผลกระทบเป็นเชิงจิตวิทยาเท่านั้น" นางสาวกอบสุขกล่าว
ราคาข้าวส่งออก (เอฟโอบี) วันที่ 20 ม.ค. ตันละ 1,122 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากวันที่ 13 ม.ค. อยู่ที่ตันละ 1,119 ดอลลาร์ ข้าวขาว 100% ตันละ 595 ดอลลาร์ ลดลงจากตันละ 609 ดอลลาร์ ข้าวขาว 5% ตันละ 564 ดอลลาร์ ลดลงจากตันละ 577 ดอลลาร์ ข้าวขาว 25% ตันละ 500 ดอลลาร์ ลดลงจาก ตันละ 505 ดอลลาร์ ส่วนข้าวเหนียว 10% ตันละ 781 ดอลลาร์ ลดลงจากตันละ 779 ดอลลาร์ ทั้งนี้ การส่งออกข้าวตั้งแต่ 1-14 ม.ค.ที่ผ่านมา ปริมาณ 301,038 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 43.94% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกับปีก่อน
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้ (21 ม.ค.) นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้อนุมัติให้มีการเปิดระบายข้าวสารในสต็อกรัฐบาล 3.75 แสนตัน โดยการเจรจาต่อรอง กรมจะต่อรองกับผู้ที่เสนอราคาซื้อที่อยู่ในเกณฑ์ที่กรมกำหนดทุกราย โดยยึดราคาตลาดเป็นหลัก วงการค้าข้าวส่วนใหญ่ในการเสนอซื้อข้าวสารในสต็อกรัฐบาล จะหักค่าเสื่อมออกปีละ 10 ดอลลาร์ต่อตัน หากเป็นข้าวเก่า ซึ่งการขายข้าวครั้งนี้เป็นข้าวที่ไม่เก่ามาก จึงไม่น่าจะที่หักค่าเสื่อมได้มากนัก
วานนี้ (20 ม.ค.) นายสุทัศน์ ศรีวัฒนพงศ์ ผู้แทนมูลนิธิข้าวไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมคณะนายกสมาคมชาวนาไทย โรงสีข้าวไทย สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อนำเสนอผลสรุปการประชุมเวทีข้าวไทยปี 2552 พร้อมนำเสนอการจัดตั้งกองทุนวิจัยข้าว และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับข้าวเพื่อให้เกิดความยั่งยืนของข้าวไทย ขณะที่สมาคมชาวนาไทยขอให้รัฐบาลสนับสนุนให้มีกองทุนสวัสดิการชาวนา
นายอภิสิทธิ์ ระบุว่า กองทุนวิจัยข้าว มีความเห็นตรงกันว่าหัวใจสำคัญ คือ เรื่องการวิจัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพข้าว จากนั้นจึงค่อยหาแนวทางปรับปรุงเปลี่ยนแปลงกลไกไปสู่ระบบกองทุน พร้อมหารูปแบบวิธีการและแหล่งเงินต่างๆ ซึ่งจะนำประเด็นนี้เข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.)
ส่วนการตั้งกองทุนสวัสดิการชาวนานั้น ต้องพิจารณาระบบสวัสดิการชาวนาไม่ซ้ำซ้อนกับระบบกองทุนอื่น อาทิเช่น ตัดเรื่องระบบบำนาญออกไป ซึ่งระบบนี้มีอยู่ในกองทุนเงินออมแห่งชาติ
นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า สมาคมได้ขอให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องการระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาลออกมาเพิ่มเติม หลังพบว่าผลผลิตข้าวในตลาดโลกลดลงมาก จากปัญหาภัยธรรมชาติ และการทั้งโรคระบาดข้าวและภัยแล้งในประเทศ หากรัฐบาลเร่งระบายข้าวในสต็อกออกมามากขึ้น ก็จะทำให้ศักยภาพการส่งออกของไทยเพิ่มขึ้นด้วย และทำให้ประเทศมีรายได้เพิ่มมากขึ้น เพราะแนวโน้มราคาข้าวขณะนี้พุ่งสูงขึ้นมาก ส่วนจะถึงตันละ 20,000 บาทหรือไม่ คงไม่สามารถตอบได้ต้องดูสถานการณ์ของเพื่อนบ้าน ขณะที่ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นนั้นตนยอมรับว่ามีผลกระทบต่อการส่งออกข้าวของไทยบ้าง
นอกจากนี้ ภาคเอกชนได้ขอให้นายกฯ ช่วยพิจารณา เรื่องการจัดตั้งกองทุนพัฒนาข้าว โดยแทนที่จะนำเงินภาษีที่จัดเก็บจากการซื้อขายข้าวในอัตรา 0.75% ของมูลค่าซื้อขายเป็นรายได้ของรัฐ หรือประมาณ 600-700 ล้านบาทต่อปี แต่นำเข้ามาจัดตั้งกองทุนพัฒนาข้าวแทน ทำให้ข้าวไทยมีศักยภาพเพิ่มมากขึ้น
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |