นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยภายหลังเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล ว่า ผู้ส่งออกห่วงศักยภาพในการส่งออกข้าวไทยเมื่อเทียบกับคู่แข่งโดยเฉพาะประเทศเวียดนาม เนื่องจากค่าเงินบาทแข็งค่า ส่งผลให้ความสามารถในการส่งออกลดลง โดยการแข็งค่าของเงินบาททุกๆ 1 บาท/เหรียญสหรัฐ จะทำให้ราคาข้าวไทยแพงขึ้น 20 เหรียญสหรัฐ/ตัน เมื่อเทียบกับเวียดนาม

นอกจากนี้ ในส่วนของผลผลิตข้าวไทยที่มีแนวโน้มลดลงจากภัยธรรมชาติ โรค และแมลง ขณะที่ผลผลิตของเวียดนามมีสัญญาณเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มการส่งออกเพิ่มขึ้น ดังนั้น ไทยจึงจำเป็นต้องจัดการบริหาร สต๊อกข้าวของรัฐบาลที่มีสูงถึงเกือบ 6 ล้านตัน ไม่ให้ สต๊อกข้าวของรัฐบาลกดดันราคาในตลาดโลกและตลาดในประเทศ เพราะผลผลิตข้าวที่เป็นสต๊อกสำรองของประเทศมีปริมาณเพียง 3 ล้านตันก็น่าจะพอเหมาะแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่เข้าพบนายกฯ ครั้งนี้เพื่อมาติดต่อซื้อข้าวหรือไม่ นายชูเกียรติ กล่าวปฏิเสธว่า การเข้ามาพบรัฐบาลครั้งนี้ไม่ได้เข้ามาขอซื้อข้าว แต่มองว่า สต๊อกข้าวรัฐมีมากเกินไป และขณะนี้แนวโน้มราคาข้าวในตลาดโลกมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง รัฐบาลจึงควรหาเวลาที่เหมาะสมในการระบายสต๊อกออกมา

"การเข้าพบนายกฯ เพื่อนำเสนอแนวคิดในการจัดตั้งกองทุนเพื่อพัฒนาข้าวไทยโดยใช้เงินจากการซื้อขายข้าว ที่ขณะนี้รัฐบาลเก็บอยู่ 0.75% จากผู้ส่งออก หรือปีละ 600-700 ล้านบาท มาตั้งเป็นกองทุนเพื่อพัฒนาศักยภาพข้าวไทยให้แข่งขันกับตลาดโลกในยุคเปิดเสรีการค้าในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งการจัดตั้งกองทุนนี้ นายกฯขอหารือกับกระทรวงการคลัง และจะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ในครั้งต่อไป" นายชูเกียรติ กล่าว

ที่มา ข่าวสด