นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ขอให้ตรวจสอบการระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาล ว่า ภายในสัปดาห์นี้ จะรายงานให้ทราบว่าในการระบายข้าว ได้ดำเนินการอะไรไปบ้าง แนวทางและขั้นตอนการทำงานเป็นอย่างไร โดยทุกขั้นตอนสามารถชี้แจงได้ เพราะเป็นการปฏิบัติตามมติ ครม.และยืนยันว่ามีความโปร่งใสตรวจสอบได้

“ในการระบายข้าว เราทำตามขั้นตอนที่ ครม.กำหนดไว้ทุกอย่าง การพิจารณาขายแต่ละครั้ง ก็มีกระบวนการพิจารณากลั่นกรองอย่างถูกต้อง เมื่อพิจารณาเสร็จแล้ว ก็เสนอให้ประธาน กขช. (คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ) หรือรองประธาน กขช. พิจารณาในขั้นสุดท้าย ถ้าอนุมัติก็ขาย ไม่อนุมัติก็ขายไม่ได้ ที่ผ่านมาๆ ก็เป็นไปตามกระบวนการนี้” นางพรทิวา กล่าว

ส่วนกรณีที่มีตั้งข้อสังเกตขายข้าวครั้งล่าสุดให้แก่ บริษัท เอ็ม ที เซ็นเตอร์เทรด จำกัด จำนวน 1.1 ล้านตัน เป็นเพียงผู้ส่งออกรายเล็ก อาจไม่มีขีดความสามารถในการส่งออกได้ รวมทั้งอาจจะเป็นนอมินีนั้น นางพรทิวา กล่าวว่า ไม่สามารถรู้ได้ว่าใครเป็นใคร เพราะในการขอซื้อข้าวในสต็อก ถ้ามาตามขั้นตอนที่ถูกต้อง มีคำสั่งซื้อมายืนยัน และให้ราคาดี มีกระบวนการกลั่นกรองตามขั้นตอน ไม่ติดแบล็คลิสต์ ราคาเหมาะสม ก็พิจารณาและอนุมัติขายได้

อย่างไรก็ตาม เห็นว่าความกังวลดังกล่าวเป็นการคาดการณ์ไป ขณะที่ข้อเท็จจริงคือระบบการค้าเสรี หากคุณสมบัติตรงตามที่กำหนด ก็สามารถร่วมเสนอราคาได้และหากเกิดข้อผิดพลาด ก็ยังมีข้อกฎหมายผ่านการทำสัญญาซื้อขาย ที่ระบุชัดทั้งเรื่องการวางเงินค้ำประกัน 5%ของมูลค่าสินค้า และเงื่อนไขการยกเลิกสัญญา

“เราปิดกั้นไม่ได้ ใครจะมาซื้อมาขาย หลักๆ เป็นแบบนี้ ใครมาตามกระบวนการ ก็ต้องขาย ไม่ใช่เผด็จการ จะทำแบบนั้นไม่ได้ แล้วคนซื้อจะเป็นใคร เกี่ยวโยงกับใคร เราไม่รู้ เราดูถ้าเป็นไปตามกรอบ กติกาที่กำหนด ก็ต้องให้ ทีตอนขายเจ้าใหญ่ได้ก็ด่า พอมาเจ้าเล็กได้ก็ด่า ก็ไม่รู้จะว่ายังไง แต่มันมีกระบวนการตรวจสอบได้อยู่แล้ว" นางพรทิวา กล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เสนอให้มีการระบายข้าวมาแล้ว 3 ครั้ง โดยครั้งแรกเสนอขายให้กับผู้ส่งออกรายใหญ่ 3 ราย จำนวน 1 ล้านตัน ครั้งที่ 2 อีก 3 ราย จำนวน 6 แสนตัน และครั้งล่าสุดจำนวน 1.1 ล้านตัน ให้กับผู้ส่งออก 1 ราย และมีข้อสงสัยตามมามากมายว่าเป็นผู้ส่งออกรายเล็ก จะมีขีดความสามารถในการส่งออกจริงหรือไม่ และเป็นนอมินีของใคร เพราะเกรงว่าจะเกิดปัญหาตามมาเหมือนกรณีที่เกิดขึ้นกับบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด ที่ประมูลข้าวล็อตใหญ่ 1.7 ล้านตัน ซึ่งทิ้งสัญญาซื้อทำให้รัฐเสียโอกาสในการขายและต้องมีภาระค่าเก็บรักษา

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ