แหล่งข่าวในวงการค้าข้าว เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าจากการที่รัฐบาลมีนโยบายชัดเจนให้กระทรวงพาณิชย์ทยอยระบายข้าวในสต๊อก เพื่อรองรับผลผลิตข้าวฤดูใหม่ ทำให้ขณะนี้แวดวงการค้าข้าวเริ่มมีความคึกคัก โดยเฉพาะผู้ค้าข้าวเหนียวเนื่องจากปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีพ่อค้าข้าวรายหนึ่งได้ออกมาหยั่งเสียงในแวดวงผู้ค้าข้าวเหนียว ทำนองว่าหากจะนำข้าวเหนียวสต๊อกรัฐบาลออกมาขายต่อราคากก.ละประมาณ 17-23 บาทจะมีใครสนใจซื้อหรือไม่

นอกจากนี้ยังมีปรากฏการณ์เหมือนกับทุกครั้งที่รัฐบาลจะเปิดประมูลขายข้าว นั่นคือมีผู้ใกล้ชิดนักการเมืองและใกล้ชิดรัฐมนตรีผู้มีอำนาจการขายข้าวแจ้งมายังผู้ส่งออกและโรงสีว่า หากต้องการจะได้ข้าวสามารถจะทำให้ชนะการประมูลได้แต่ต้องมีการจ่ายค่านายหน้าตันละ 2,000 บาท เหตุที่มีการติดต่อมายังแวดวงผู้ค้าข้าวเหนียว เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่าปีนี้ปริมาณข้าวเหนียวมีน้อย และมีแนวโน้มว่าปลายปีนี้ข้าวเหนียวอาจขาดตลาด เนื่องจากผลผลิตฤดูใหม่ชาวนาหลายพื้นที่ยังลงมือปลูกไม่ได้เพราะขาดแคลนน้ำ ขณะที่สต๊อกข้าวเก่าในมือชาวนาและโรงสีแทบจะไม่มีเหลือแล้ว

ด้านแหล่งข่าวในสมาคมโรงสีข้าวไทย เปิดเผยว่าการระบายข้าวเหนียวที่มีอยู่ในสต๊อกรัฐบาลประมาณ 156,000 ตัน รัฐบาลไม่จำเป็นต้องระบายผ่านผู้ส่งออกเพียงทางเดียว แต่ควรเปิดประมูลเป็นล็อตเล็กๆ ล็อตละประมาณ 2,000 ตัน เชื่อว่าจะได้ราคาดีกว่าเปิดประมูลขายให้กับผู้ส่งออกโดยเฉพาะการประมูลซื้อของกลุ่มโรงสีสามารถให้ราคาได้ถึงกก.ละ 23-24 บาท ทั้งยังเป็นราคาที่รัฐบาลมีกำไรเพราะต้นทุนสต๊อกข้าวรัฐบาลบวกค่าฝากเก็บต่างๆ แล้วน่าจะอยู่ที่กก.ละ 20 บาท หากประมูลล็อตใหญ่รัฐบาลสุ่มเสี่ยงที่จะขายได้ราคาต่ำ ขณะที่พ่อค้าต้องจ่ายแพงเพราะต้องจ่ายค่านายหน้าเพื่อให้ได้ข้าวล็อตใหญ่อีกต่างหาก

"การระบายสต๊อกข้าวเหนียวของรัฐบาลครั้งนี้มีโอกาสทำกำไรได้สูง เพราะขณะนี้ข้าวเหนียวท้องตลาดราคาแพงมาก เนื่องจากตลาดมีความต้องการสูง ซื้อขายกันอยู่ที่กก.ละ 30 บาท มติกขช.ระบุไม่ควรขายต่ำกว่าท้องตลาดจนเกินไป ที่สำคัญปีนี้เรียกได้ว่าเป็นปีที่ราคาข้าวเหนียวแพงเป็นประวัติการณ์ทุบสถิติปี 2550 ที่ข้าวเปลือกเหนียวสูงสุดประมาณตันละ 15,000 บาท ข้าวสารเหนียวตันละ 29,000-30,000 บาท(ราวเดือนสิงหาคม 2550) อย่างไรก็ดีหากเทียบกับช่วงเดียวกันปี 2550 ซึ่งเป็นปีที่ราคาข้าวเหนียวสูงสุดเป็นประวัติการณ์  เดือนกรกฎาคม 2552 อยู่ที่กก.ละ 27 บาท กรกฎาคมปีนี้ (2553)ข้าวสารเหนียวกก.ละ 30 บาท  และมีแนวโน้มสูงขึ้นไปอีก แม้ว่าจะมีการอ่อนตัวลงข้าวเปลือกเหนียวจาก ตันละ 17,500 บาท เหลือตันละ 15,500-16,500 บาท เพราะกระแสข่าวการระบายสต๊อกของรัฐบาล แต่ราคาข้าวสารยังไม่ลง"แหล่งข่าวกล่าวและว่า

ราคาข้าวเหนียวยังมีโอกาสแพงขึ้นไปอีก หากรัฐบาลระบายด้วยวิธีการที่เหมาะสม ราคาไม่ต่ำเกินไปหากระบายราคาต่ำกระทบจิตวิทยาราคาตกต่ำ ทำให้เกษตรกรที่มีข้าวเปลือกอยู่ในมือได้รับความเดือดร้อน รวมถึงผลผลิตข้าวฤดูใหม่อาจขายได้ราคาต่ำด้วย แต่ถ้ารัฐบาลบริหารสต๊อกข้าวดี นอกจากไม่ทำให้ราคาตกต่ำแล้วราคาข้าวเหนียวปีหน้าสูงขึ้นอย่างแน่นอน

แหล่งข่าวอีกรายให้ความเห็นเพิ่มเติมว่าวิธีระบายสต๊อกข้าวเหนียวไม่ให้ราคาตกต่ำ นอกจากวิธีล็อตเล็กๆ แล้ว ซึ่งมีผู้ซื้อหลายกลุ่มต้องการ อาทิโรงสี กลุ่มผู้ผลิตแป้งข้าวเหนียว ซึ่งสามารถใช้ข้าวเก่าได้ การขายรัฐบาลต่อรัฐบาล หรือจีทูจี สามารถช่วยพยุงราคาได้ เพราะมีหลายประเทศที่ต้องการนำเข้าข้าวเหนียวจากประเทศไทย ได้แก่ จีน อินโดนีเซีย มาเลเซีย เป็นต้น

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ