องค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) ออกรายงานคาดการณ์วานนี้ (22 ม.ค.) ว่า ราคาข้าวตลาดโลก จะไม่ร่วงลงก่อนที่ผลผลิตข้าวฤดูกาลใหม่จะออกสู่ตลาดในเดือน มี.ค. และ เม.ย. นี้ เนื่องจากบรรดาประเทศส่งออกข้าวรายใหญ่ ต่างเข้มงวดกับการส่งออกข้าวในตลาดต่างประเทศ ท่ามกลางผลผลิตข้าวทั่วโลกที่ลดลง ประกอบกับการส่งออกข้าวของจีน ปากีสถาน ไทย และสหรัฐ ปรับตัวลดลง และรัฐบาลอินเดีย อียิปต์ ต่างก็จำกัดการส่งออกข้าวเช่นกัน ในช่วงปี 2552 ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ราคาข้าวทะยานขึ้น 22% ในการซื้อขายที่ตลาดล่วงหน้าในชิคาโก จากที่ปรับตัวร่วงลงในปีที่แล้ว หลังจากฟิลิปปินส์ ผู้ซื้อข้าวรายใหญ่สุด ซื้อข้าวเพิ่มขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหาร หลังพายุหลายลูกพัดเข้าทำลายผลผลิตทางการเกษตรอย่างน้อย 1.3 ล้านตัน และความกังวลที่ว่า อินเดียอาจกลายเป็นผู้นำเข้าข้าวสุทธิ หลังจากภัยแล้งกระตุ้นราคาข้าวให้สูงขึ้น
เอฟเอโอ ระบุด้วยว่า กำลังการผลิตข้าวในปีที่แล้ว อยู่ที่ 678 ล้านตัน ลดลง 2% จากปริมาณของปีก่อนหน้า พร้อมคาดว่าปริมาณการซื้อขายข้าวทั่วโลกในปีนี้ จะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 30.5 ล้านตัน จากตัวเลข 30 ล้านตัน ในปี 2552 เนื่องจากความต้องการของฟิลิปปินส์ และบราซิล รวมทั้งการคาดการณ์ที่ว่า ปริมาณการส่งออกข้าวไปยังสหรัฐ ของไทย จีน พม่า และเวียดนาม จะเพิ่มขึ้น
ในขณะที่การเพาะปลูกข้าวประจำปี 2553 ได้ดำเนินไปแล้วในหลายประเทศในซีกโลกใต้ แต่แนวโน้มก็ยังคงไม่แน่นอน โดยภาวะแห้งแล้งหรือภาวะฝนตกมากเกินไป ได้สร้างความล่าช้าให้กับการหว่านเมล็ดข้าวในอเมริกาใต้ในช่วงที่ผ่านมา และมีความกังวลกันว่าภาวะแห้งแล้งที่เกี่ยวข้องกับภูมิอากาศเอลนีโญอาจสร้างความเสียหายต่อต้นข้าวในอินโดนีเซีย
ดัชนีราคาข้าวโดยรวมปรับตัวขึ้น
เอฟเอโอ ระบุด้วยว่า เป็นที่คาดกันว่า ผลผลิตข้าวในออสเตรเลียอาจเพิ่มสูงขึ้น แต่จะยังคงอยู่ต่ำกว่าจุดสูงสุดที่ทำไว้ในช่วงต้นทศวรรษ 2000 ส่วนผลผลิตในหลายประเทศทางตอนใต้ของทวีปแอฟริกายังมีแนวโน้มไม่แน่นอน ในขณะที่ฤดูพายุไซโคลนเดือน ม.ค.และ มี.ค.ในภูมิภาคดังกล่าวเพิ่งเริ่มต้นขึ้น
ราคาข้าวในตลาดระหว่างประเทศเพิ่มสูงขึ้นในไตรมาสสุดท้ายของปี 2552 ซึ่งสวนทางกับช่วงขาลงของราคาข้าวที่เริ่มต้นตั้งแต่เดือน พ.ค. 2552 โดยดัชนีราคาข้าวโดยรวมของเอฟเอโอ บวกขึ้น 15 จุด สู่ 247 จุดในช่วงตั้งแต่เดือน ก.ย.ถึงเดือน ธ.ค.
ราคาข้าวโดยเฉลี่ยในปี 2552 ร่วงลงมาอยู่ต่ำกว่าระดับในปี 2551 ราว 42 จุด แต่ยังคงอยู่สูงกว่าค่าเฉลี่ยในปี 2550 ราว 92 จุด
เอฟเอโอ ระบุว่า ในขณะที่ประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ประกาศข้อจำกัดด้านการส่งออกข้าว ราคาข้าวก็ไม่มีแนวโน้มที่จะลดลง ก่อนที่ผลผลิตข้าวที่เพิ่งเก็บเกี่ยวใหม่จะเข้าสู่ตลาดในเดือน มี.ค./เม.ย.
เอฟเอโอ คาดการณ์ว่า ความต้องการซื้อข้าวจากต่างประเทศจะเพิ่มสูงขึ้นในบางประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะฟิลิปปินส์ในปี 2553 และคาดว่าบราซิลกับสหรัฐจะต้องการนำเข้าข้าวมากขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ดี ประเทศในแอฟริกาจะลดความต้องการนำเข้าข้าวลง
เป็นที่คาดกันว่า ปริมาณการบริโภคข้าวทั่วโลกในปีนี้ อาจเพิ่มขึ้น 8 ล้านตัน สู่ 454 ล้านตัน โดยเป็นที่คาดกันว่าข้าว 389 ล้านตันในจำนวนนี้ จะได้รับการบริโภคเป็นอาหาร โดยเพิ่มขึ้น 1.5 % จากปี 2552
หลังจากมีการปรับตัวเลขผลผลิตข้าวปี 2552 ให้สูงขึ้นเอฟเอโอ ก็ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์สต็อกข้าวทั่วโลกในช่วงสิ้นปีการตลาด 2553 ราว 6 ล้านตัน สู่ 123 ล้านตัน โดยลดลงราว 1% จากสต็อกข้าวช่วงต้นปีการตลาดและว่า สต็อกข้าวทั่วโลกอยู่ในระดับสูง และมากพอที่จะครอบคลุมปริมาณการบริโภคข้าวราว 27% ในปีนี้
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ |