นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินการจัดทำรายละเอียดมาตรการแก้ปัญหาข้าวราคาตกต่ำผ่านวิธีการนำข้าวเก่าแลกข้าวใหม่เสร็จสิ้นแล้ว แต่อาจไม่ทันเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (23 มี.ค.) เนื่องจากที่ประชุมต้องการพิจารณาเฉพาะวาระปกติ ทำให้ต้องเลื่อนออกไป
นายยรรยง กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ราคาข้าวเริ่มปรับตัวดีขึ้น สาเหตุส่วนหนึ่งน่าจะมาจากความชัดเจน แผนจัดการข้าวในสต็อกของรัฐบาลไทย ที่ไม่ระบายข้าวอย่างแน่นอนในขณะนี้
ทั้งนี้ รายละเอียดมาตรการข้าวเก่าแลกข้าวใหม่ จะระบุถึงขั้นตอนการแลกข้าวออกไปจากโกดังรัฐ การกำหนดพื้นที่ว่าควรเป็นพื้นที่ส่วนใด สัดส่วนกี่เปอร์เซ็นต์ รวมถึงกำหนดโรงสี ที่จะได้เข้าร่วมโครงการด้วย
ส่วนราคาอ้างอิงข้าว วันที่ 22-28 มี.ค. 2553 ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 9,006 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาอ้างอิงครั้งก่อน ที่ตันละ 8,919 บาท โดยครั้งนี้มีอัตราชดเชยตันละ 994 บาท ข้าวเปลือกปทุมธานี ตันละ 10,317 บาท ไม่ต้องชดเชย ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 10,374 บาทไม่ต้องชดเชย
นายชาญชัย รักษ์ธนานนท์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า หากรัฐต้องการให้ราคาข้าวปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง เพื่อให้เกษตรกรอยู่ได้และรัฐไม่ต้องมีภาระจ่ายเงินชดเชยสูง ควรเร่งเดินหน้ามาตรการที่จะให้โรงสีซื้อข้าว ในราคานำตลาดตันละ 300 บาท เป็นสิ่งที่โรงสีสมัครใจซื้อเอง โดยมีสิทธิการนำไปแลกข้าวเก่ารัฐในสัดส่วนที่เหมาะสม
นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) กล่าวว่า กรณีที่นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เตรียมนำคณะโรดโชว์ขายข้าวรัฐต่อรัฐใน 10 ประเทศนั้น ตนเพิ่งทราบข่าวนี้ ซึ่งจะเรียกนางพรทิวา เข้ามาหารือเหตุผลการระบายข้าวรอบนี้
นายปราโมทย์ วานิชชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมโรงสีข้าวไทย และกรรมการ กขช. ระบุว่า ตนเห็นด้วยกับการเดินทางไปโรดโชว์การระบายข้าว ซึ่งการขายจีทูจีนั้นแม้จะได้ราคาไม่สูงเท่าราคาตลาด แต่ราคาดังกล่าวจะไม่ถือเป็นราคาที่ใช้อ้างอิงราคาข้าวในตลาดโลก เพราะถือเป็นการซื้อขายในราคามิตรภาพ ซึ่งจะไม่มีผลทำให้ราคาข้าวในตลาดโลกลดต่ำลงมา
อย่างไรก็ตาม ตนตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดกระทรวงพาณิชย์ จึงกำหนดเป้าหมายระบายข้าวไว้ที่ 2 ล้านตัน แทนที่จะไปเจรจาให้แก่ประเทศผู้ซื้อก่อนว่าจะขายกี่ตันและในปริมาณเท่าใด จึงค่อยมาแถลง ซึ่งการขายข้าวต้องดำเนินการอย่างเปิดเผยและโปร่งใส ไม่เปิดช่องให้มีการลักไก่นำข้าวในสต็อกของรัฐไปปล่อยขายในราคาถูก แล้วหวังส่วนต่างจากการหักค่าหัวคิว 500-1,000 บาทต่อตัน เข้ากระเป๋านักการเมือง
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
|