www.thairiceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

รัฐตุน 5 หมื่นล.ชดเชยเกษตรกร


นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดการประชุมประชุมเชิงปฏิบัติเพื่อชี้แจงแนวทางการติดตามโครงการประกันรายได้เกษตรกร ปี 2553/2554 วานนี้ (22 ก.ย.) พร้อมทั้งมอบนโยบายโครงการประกันรายได้ โดยระบุว่า ในปีนี้รัฐบาลได้เตรียมงบประมาณ สำหรับการชดเชยส่วนต่างราคาประกันและราคาอ้างอิงในโครงการประกันรายได้สินค้าเกษตร 3 ชนิด ได้แก่ ข้าว มันสำปะหลัง และข้าวโพด ในวงเงินประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่จัดสรรวงเงินกว่า 7 หมื่นล้านบาท โดยเป็นการชดเชยส่วนต่างราคาข้าวในวงเงินสูงถึง 5 หมื่นล้านบาท แต่เงินดังกล่าวส่งตรงถึงมือเกษตรกรทั่วถึงและไม่ผูกขาดเหมือนโครงการรับจำนำ

อย่างไรก็ตามตนต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ความสำคัญกับการตรวจสอบกระบวนการทำงาน ให้มีความรัดกุมและมีข้อบกพร่องน้อยที่สุด เพื่อแก้จุดอ่อนของโครงการทั้งที่เกิดขึ้นโดยเจตนาและไม่เจตนา

สศช.ชี้รัฐชดเชยสูงจูงใจแจ้งเท็จ

นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุว่า โครงการประกันรายได้สินค้าเกษตรทำให้เกษตรกร 3 ล้านครัวเรือนได้รับประโยชน์ และคาดว่าโครงการประกันรายได้ปีนี้จะมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการมากขึ้น

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ระมัดระวัง คือ การชดเชยส่วนต่างราคาสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าวที่มีชดเชยส่วนต่างสูงถึง 1,300 บาทต่อตัน ทำให้การชดเชยส่วนต่าง 32,500 บาทต่อครัวเรือน ซึ่งเป็นถือเป็นรายได้ที่สูงมากและจูงใจให้เกษตรกรแจ้งข้อมูลที่เป็นเท็จ เพื่อขอรับสิทธิการชดเชยส่วนต่างในโครงการ

"การขึ้นทะเบียนจะต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มข้น บางพื้นที่ผมได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า สามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรได้ 300 รายภายในวันเดียว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าใช้เทียนทำงานไปกี่เล่ม เจ้าหน้าที่ต้องไม่ใจอ่อน หากสามารถเชือดไก่ให้ลิงดูก็ทำไป ไม่เช่นนั้นเกษตรกรจะแห่ทำตามกันหมด กลายเป็นว่ามีแจ้งข้อมูลเท็จทั้งหมู่บ้าน ซึ่งอาจทำให้โครงการประกันรายได้ล้มลงได้ เพราะรัฐบาลมีภาระงบประมาณสูงเกินความเป็นจริง" นายอำพน กล่าว

ชี้โรงสี-ชาวนาฮั้วฟันเงินชดเชยรัฐ

นายอำพน กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ตนยังพบว่า มีโรงสีบางแห่งและเกษตรกรมีการสมยอมหรือฮั้วกัน โดยเกษตรกรสมยอมขายข้าวให้โรงสีในราคาต่ำเพื่อให้ได้ส่วนต่างการชดเชยเพิ่มขึ้น จากนั้นจะนำเงินชดเชยส่วนต่างมาแบ่งปันกัน ดังนั้นผู้เกี่ยวข้องต้องไปตรวจสอบการดำเนินงานของโรงสีด้วย และตนยอมรับว่าไม่ได้ที่จะปล่อยให้คนไม่หวังดีเข้ามาแสวงหาประโยชน์จากโครงการนี้ และทำมาหารือบนหลังเกษตรกร และหากินกับงบประมาณของรัฐ

พร้อมกันนั้น ตนยังพบว่าขณะนี้มีเกษตรกรที่เข้าโครงการประกันรายได้ โดยเฉพาะเกษตรกรที่เช่าที่นาต่างได้รับความเดือดร้อน เพราะเมื่อมีรายได้จากการทำนาเพิ่มขึ้น เจ้าของที่นาที่เคยให้เช่าที่นาก็เริ่มเก็บหัวคิว มีการหักเปอร์เซ็นต์เงินชดเชยส่วนต่างจากเกษตรกรที่เช่านา เพราะไม่เช่นนั้นจะไม่ยอมลงนามในเอกสารการเช่าที่นาให้ เพื่อให้เกษตรกรนำไปยื่นขอเข้าโครงการ

โยนพาณิชย์แจงเอ็มทีฯ เร่ขายข้าว

นายไตรรงค์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) กล่าวกรณีที่มีกระแสข่าวในวงการค้าข้าวว่าบริษัท เม้งไต๋ อินเตอร์เนชั่นแนล ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท เอ็มที เซ็นเตอร์เทรด ซึ่งได้รับการคัดเลือกให้ซื้อข้าวในสต็อกของรัฐบาล 1.1 ล้านตัน แต่กลับติดต่อขายข้าวดังกล่าวให้ผู้ส่งออกโรงสี โดยระบุว่า เป็นหน้าที่ของกระทรวงพาณิชย์ ต้องเข้าไปตรวจสอบว่าเอกชนรายนี้ มีพฤติกรรมในลักษณะนี้หรือไม่ เพราะตามเงื่อนไขการประมูลข้าว ในสต็อกของรัฐบาลกำหนดให้ข้าวที่ประมูลได้ ต้องใช้เพื่อการส่งออกเท่านั้น

"ผมไม่ทราบว่าบริษัทเอ็มที เซ็นเตอร์เทรด มีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายบริษัท ที่มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ และไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าบริษัทที่เข้ามาประมูลจะมีสายสัมพันธ์กับใครบ้าง เพราะทำหน้าที่ดูแลในระดับนโยบาย"

ส่วนจะระงับการระบายข้าวหรือไม่นั้น ขณะนี้ตนได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ ทำคำชี้แจงมาเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว เมื่อได้รับการชี้แจงแล้วจึงจะพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป แต่ในขั้นตอนนี้คงต้องให้กระทรวงพาณิชย์รายงานข้อเท็จจริงเข้ามาก่อน

ผู้ส่งออกหนุนสอบบริษัทซื้อข้าว

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า เห็นด้วยที่จะมีการตรวจสอบบริษัทที่ซื้อข้าวไปจากรัฐบาล ว่าได้นำข้าวไปส่งออกจริงหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบไปอีกว่าเป็นบริษัทนั้นๆ เป็นผู้ส่งออกเอง ซึ่งเรื่องดังกล่าวดำเนินการได้ไม่ยาก สามารถนำรายชื่อลูกค้ามาอ้างอิง ซึ่งยอมรับว่าที่ผ่านมาโดยปกติไม่ค่อยมีการตรวจสอบ แต่ในกรณีนี้หากดำเนินการได้ จะสร้างความโปร่งใสของการขายข้าวรัฐบาลในครั้งนี้

แหล่งข่าวจากผู้ส่งออกข้าว กล่าวว่า กรณีการให้นำคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ (ออเดอร์) มาเป็นเอกสารประกอบเสนอซื้อข้าวจากรัฐนั้น สามารถจัดทำขึ้นได้ ทั้งที่ไม่มีความต้องการซื้อจริง โดยทำในลักษณะเอ็มโอยู เมื่อได้ซื้อข้าวจากรัฐแล้ว จะนำไปขายต่อให้กลุ่มโรงสี ที่มีโกดังรับฝากข้าวรัฐไว้ แต่นำออกไปขายก่อนหรือสต็อกลม จึงนำข้าวที่มีต้นทุนถูกกว่าซื้อจากท้องตลาดมาเติมให้เต็ม

เผยเอ็มทีฯ ส่งออกข้าว ส.ค.43 ตัน

ขณะเดียวกัน กลุ่มบริษัทข้าวถุงก็ต้องการซื้อข้าวล็อตนี้ เพราะเป็นข้าวเก่าที่ตลาดในประเทศต้องการ ส่วนกลุ่มผู้ส่งออกสามารถนำข้าวไปขัดสีเพิ่ม และผสมกับข้าวใหม่ส่งออก ซึ่งจะมีต้นทุนต่ำกว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ โดยกลุ่มนี้จะขายราคาต่ำมาก หรือดั๊มพ์ราคาจนสร้างความเสียหายต่อภาพรวมราคาตลาด ทำให้ผู้ประกอบการที่ไม่ได้ค้ากับรัฐบาลไม่สามารถแข่งขันได้

"การตรวจสอบควรเกิดขึ้นเพราะผิดสัญญาที่ทำไว้กับรัฐ สร้างความเสียหายระบบค้าข้าวทั่วไปอีกด้วย อย่างกรณีเอ็มที บริษัทเดียว ส่งออก ส.ค.ที่ผ่านมาปริมาณ 43 ตัน ถือว่าเป็นรายย่อยมากๆ เมื่อซื้อข้าวรัฐมากเป็นล้านตัน จึงต้องสงสัยว่าจะนำข้าวไปขายต่อได้อย่างไร"

"ยรรยง" การันตี "เอ็มที" เร่ขายข้าวไม่ผิด

นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรณีที่บริษัท เอ็มที เซ็นเตอร์เทรด จำกัด นำข้าวเร่ขายให้กับผู้ส่งออกข้าวและโรงสีข้าวในประเทศนั้น กรณีดังกล่าวไม่น่าจะถือว่าเป็นการกระทำความผิด หากบริษัทสามารถส่งออกข้าวได้ตามระยะเวลาที่กำหนดในสัญญาซื้อขาย และตามปริมาณคำสั่งซื้อจากต่างประเทศที่บริษัทนำมาแสดงต่อกระทรวงพาณิชย์ในช่วงการขอซื้อข้าวสต็อกรัฐ

"เงื่อนไขในสัญญาซื้อขาย จะระบุระยะเวลาที่จะต้องส่งออกอย่างชัดเจน ซึ่งหากส่งออกตามนั้นก็ไม่ถือว่ามีความผิด หรือทำผิดเงื่อนไขสัญญา ส่วนวิธีการส่งออกจะทำอย่างไรก็เป็นเรื่องของเขา เช่น ขายให้ผู้ส่งออกอื่นแล้วขอใบอนุญาตส่งออกในนามบริษัทนี้ก็ได้เป็นวิธีการที่วงการค้าข้าวทำกันเป็นปกติอยู่แล้ว" นายยรรยง กล่าว

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์คงไม่ต้องตรวจสอบใดๆ เพราะยืนยันว่า ดำเนินการตามขั้นตอนที่รัฐบาลกำหนดทุกอย่าง และไม่มีเรื่องความไม่โปร่งใสแน่นอน

แหล่งข่าวกล่าวว่า ขณะนี้วงการค้ามันสำปะหลังกำลังจับตาดู การดำเนินการของคณะกรรมการตรวจสอบของกระทรวงพาณิชย์ กรณีที่นายกรัฐมนตรีสั่งให้ตรวจสอบการขายมันสำปะหลังในสต็อกรัฐบาลให้กับบริษัท กาญจนาฟาร์ม ซึ่งเป็นบริษัทของนายวิวัฒน์ นิติกาญจนา สามีนางบุญยิ่ง นิติกาญจนา อดีตที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ โดยเกรงว่าการตรวจสอบอาจไม่ครบทั้งกระบวนการและตัดตอนตรวจสอบ

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@thairiceexporters.or.th


Copyright © 2009 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.