นายนิพนธ์ วงษ์ตระหง่าน ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในช่วง 1-2 เดือนนี้ราคาข้าวจะกระเตื้องขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากผลผลิตข้าวนาปรังรอบแรกทยอยเข้าวสู่ตลาดหมดแล้วและข้าวนาปรังรอบ 2 จะเข้าสู่ตลาดปลายเดือนเม.ย.ถึงเดือนพ.ค. ประกอบกับภัยแล้งทำให้ผลผลิตลดลง ขณะที่คำสั่งซื้อจากต่างประเทศทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง จะเห็นได้จากตัวเลขการส่งออกในช่วง 3 เดือนแรก มีปริมาณกว่า 1.6 ล้านตันและในเดือนเม.ย.จะกลับไปส่งออกที่ปริมาณ 6-7 แสนตันอีกครั้ง ส่วนราคาข้าวหอมมะลิที่ทรุดลงช่วงนี้ เกิดจากการปล่อยข่าวสมาคมโรงสีกัมพูชาเซ็นสัญญาร่วมมือค้าข้าวกับเวียดนาม ซึ่งพ่อค้าอาศัยปัจจัยนี้กดราคา โดยไม่มีฐานความเป็นจริง เพราะกัมพูชาผลิตข้าวหอมมะลิไม่ได้ ราคาข้าวหอมมะลิจึงไม่ควรตกต่ำลงไปกว่านี้

นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เปิดเผยว่า ตนจะเป็นหัวหน้าคณะไปเจรจาขายข้าวให้ประเทศต่างๆ 6-7 ประเทศตามแผนโรดโชว์การระบายข้าวในสต็อกของรัฐและเอกชนแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ที่นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์เสนอมา ซึ่งการระบายข้าวครั้งนี้จะไม่กำหนดปริมาณขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละประเทศ นอกจากนี้ตนจะเสนอนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธาน กขช.เรียกประชุมสัปดาห์หน้า เพื่อหารือปัญหาร้องเรียนในโครงการประกันรายได้เกษตรกร

ส่วนข้อเสนอของกระทรวงพาณิชย์ ให้ปรับราคาตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวเปลือกเพิ่มขึ้นจากราคาอ้างอิงอีก 200 บาทต่อตันนั้น ยังไม่ได้หารือกับนางพรทิวา แต่ถือเป็นเจตนาที่ดี ซึ่งต้องรับฟังความเห็นกรรมการ กขช.ก่อน แต่จากการหารืออย่างไม่เป็นทางการ พบว่ากรรมการส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย

นางพรทิวา กล่าวถึงข้อเสนอเพิ่มราคาตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวอีก 200 บาทต่อตัน ว่า ขณะนี้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรังขายข้าวเปลือกได้ราคาต่ำกว่าราคาอ้างอิงมาก เนื่องจากข้าวเปลือกที่เกษตรกรเก็บเกี่ยวและนำมาขายให้โรงสี มีความชื้นสูงกว่า 30% อย่างไรก็ตามมาตรการนี้จะใช้แค่ชั่วคราวเท่านั้นจนกว่าสถานการณ์ราคาข้าวจะกลับสู่ภาวะปกติ ส่วนที่นายกฯ ค้านแนวคิดดังกล่าว เนื่องจากตนมีเวลาอธิบายน้อยเกินไป ดังนั้นหากมีเวลาตนจะอธิบายรายละเอียดเพิ่มเติมให้นายกฯ เข้าใจมากขึ้น ส่วนแนวคิดการนำข้าวใหม่ของโรงสีมาแลกข้าวเก่าในสต็อกของรัฐบาลนั้น ขณะกำลังศึกษารายละเอียด

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ