นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมาศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกอย่างมาก โดยเฉพาะสินค้าข้าวที่ต้องแข่งขันกับเวียดนามที่ค่าเงินอ่อนตัว โดยค่าเงินที่แข็งค่าขึ้น 1 บาท จะส่งผลให้ราคาข้าวสูงขึ้นตันละ 15-30 เหรียญสหรัฐ ทำให้ตลาดข้าวขาว 5% ของไทยหยุดนิ่ง สู้ราคากับเวียดนามไม่ได้ เพราะราคาข้าวขาวเวียดนามอยู่ที่ตันละ 370-375 เหรียญสหรัฐ ขณะที่ข้าวไทยอยู่ที่ตันละ 500 เหรียญสหรัฐ ต่างกันตันละ 125-130 เหรียญสหรัฐ ซึ่งข้าวไทยที่ยังขายได้ขณะนี้ คือ ข้าวนึ่ง และข้าวหอมมะลิ

"วันที่ 24 มีนาคม สมาคมฯจะหารือกับสมาคมสินค้าเกษตรอื่นๆที่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาท เช่น สมาคมข้าวโพด สมาคมการค้ามันสำปะหลังไทย เพื่อหาข้อเสนอแนะการดูแลเสถียรภาพค่าเงินบาทนำเสนอนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง ในสัปดาห์หน้า โดยสินค้าเกษตรถือเป็นกลุ่มสินค้าที่รับผลกระทบโดยตรงจากค่าเงินบาท โดยค่าเงินบาทที่ยอมรับได้น่าอยู่ในระดับ 33-34 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ" นายชูเกียรติ กล่าว

ทั้งนี้ จากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างมาก ส่งผลให้ช่วงที่ผ่านมาตลาดข้าวขาวของไทยมีส่วนแบ่งตลาดลดลงกว่า 50% จากปีก่อนที่เคยส่งออกได้ 3 ล้านตัน ขณะที่ส่งออกได้ไม่ถึง 2 ล้านตัน เพราะราคาข้าวของไทยที่สูงมาก ทำให้ลูกค้าต้องหันไปซื้อสินค้าที่ถูกกว่า และเดิมคาดว่าหลายประเทศที่ประสบภัยธรรมชาติจะต้องนำเข้าสินค้าเกษตรเพิ่ม ก็ไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ อย่างอินเดียเองจากที่เคยนำเข้าข้าวก็เริ่มส่งออกข้าวบ้างแล้ว แม้จะเล็กน้อยแต่ก็ทำให้ข้าวไทยมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นอีก

ที่มา แนวหน้า