แหล่งข่าวจากวงการค้าข้าว เปิดเผยกับ  "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ปลายสัปดาห์ที่ผ่านญี่ปุ่นได้เปิดประมูลซื้อข้าวปริมาณรวมทั้งสิ้นประมาณ 60,000 ตัน โดยการเปิดประมูลซื้อข้าวของญี่ปุ่นจะระบุชนิดข้าวหรือประเทศที่มีสิทธิ์ประมูลขายเช่นข้าวสหรัฐฯ หมายถึงสหรัฐฯ มีสิทธิ์ประมูลขาย ข้าวไทย หมายถึงประเทศไทยมีสิทธิ์ประมูลขาย ข้าวเมล็ดยาว หมายถึงประเทศใดก็ได้ที่มีข้าวเมล็ดยาวเสนอประมูลขายได้
 
ทั้งนี้การประมูลซื้อข้าวของญี่ปุ่นครั้งนี้ผู้ส่งออกไทยชนะประมูลรวมทั้งสิ้นประมาณ 35,000 ตัน หรือ 7 ลำเรือ (1 ลำเรือบรรทุกประมาณ 5,000 ตัน) โดยมีบริษัทชนะประมูล 6 บริษัท ได้แก่ บริษัท ฮ่วยชวนค้าข้าว จำกัด ชนะประมูลมากที่สุดคือ 2 ลำเรือ หรือราว 10,000 ตัน ที่ราคาตันละ  488 ดอลลาร์สหรัฐฯ ส่วนอีก 5 บริษัทชนะบริษัทละ 1 ลำ หรือบริษัทละ 5,000 ตัน ได้แก่ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด เสนอขายที่ตันละ 480-485 ดอลลาร์สหรัฐฯ บริษัท ข้าวไชยพร จำกัด ตันละ 505 ดอลลาร์สหรัฐฯ บริษัท แคปปิตอลซีเรียลส์ฯ ตันละ 505 ดอลลาร์สหรัฐฯ  บริษัท นานาพรรณเอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด ตันละ 500-505 ดอลลาร์สหรัฐฯ  บริษัท แสงทองค้าข้าว จำกัด ตันละ 500 ดอลลาร์สหรัฐฯ
 
แหล่งข่าวกล่าวว่าการประมูลซื้อข้าวของญี่ปุ่นครั้งนี้เป็นล็อตสุดท้ายของปี 2552/53 จะเปิดประมูลซื้ออีกครั้งราวเดือนสิงหาคมหรือกันยายน เหตุที่ผู้ส่งออกไทยสามารถชนะประมูลมาได้ถึง 35,000 ตัน เพราะว่าชนะในส่วนที่ญี่ปุ่นประมูลซื้อข้าวไทยและในส่วนที่ประมูลซื้อข้าวเมล็ดยาวเพราะข้าวขาว 100% ชั้น 2 ของไทยเป็นข้าวเมล็ดยาว ประกอบกับช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาเวียดนามประสบปัญหาสารพิษตกค้างในข้าว ทำให้ญี่ปุ่นระงับนำเข้าข้าวจากเวียดนามจึงส่งอานิสงส์มายังประเทศไทยที่มีโอกาสชนะมากที่สุดในครั้งนี้
 
"ช่วงที่เวียดนามไม่มีปัญหาสารพิษตกค้างในข้าว เวียดนามจะเป็นผู้ชนะขายข้าวเมล็ดยาวให้กับญี่ปุ่น กระทั่งส่งผลให้ยอดการขายข้าวไทยให้ญี่ปุ่นลดลงจากปีละ 200,000 ตัน เหลือปีละ 100,000 ตันเศษเท่านั้น แต่หลังจากที่เวียดนามมีปัญหาคุณภาพข้าว ข้าวไทยเข้าสู่ตลาดได้ปริมาณเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ปีละ 200,000 ตันเหมือนเดิม อย่างไรก็ดีการชนะประมูลครั้งนี้ไม่น่าจะกระตุ้นให้ราคาข้าวในประเทศขยับขึ้นได้มาก เพราะปริมาณขายแค่หลักหมื่นตันและระยะเวลาส่งมอบค่อนข้างยาวคือเดือนสิงหาคม"
 
แหล่งข่าวกล่าวเพิ่มเติมว่าบริษัทที่ชนะประมูลขายข้าวให้กับญี่ปุ่น ส่วนใหญ่จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ค้าในญี่ปุ่น เพราะว่านอกเหนือจาก 6 บริษัทที่ชนะแล้ว ยังมีบริษัทส่งออกข้าวอีกหลายบริษัทโดยเฉพาะบริษัทที่มียอดส่งออกติดอันดับท็อปเทนได้มีการเสนอขายแต่ไม่ชนะหลายบริษัทด้วยกัน
 
จากการรวบรวมสถิติบริษัทส่งออกข้าวสูงสุด 10 บริษัทแรกปี 2552

(ท็อปเทนส่งออกข้าว)โดย "ฐานเศรษฐกิจ" บริษัทที่มียอดส่งออกสูงสุดอันดับหนึ่ง ได้แก่ บริษัท เอเซียโกลเด้นไรซ์ จำกัด ปริมาณส่งออกราว 1.4 ล้านตัน อันดับสองกลุ่มบริษัท นครหลวงค้าข้าวฯ ปริมาณส่งออกราว 1.3 ล้านตัน อันดับสามกลุ่มข้าวไชยพร ประมาณ 500,000 ตันเศษ อันดับสี่บริษัทซี.พี. อินเตอร์เทรด จำกัด เกือบ 500,000 ตัน อันดับห้ากลุ่มบริษัท บางซื่อโรงสีไฟเจียเม้ง จำกัด 400,000 ตันเศษ อันดับหกบริษัท ไรซ์แลนด์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ประมาณ 400,000 ตันเศษ อันดับเจ็ดกลุ่มบริษัท กมลกิจฯ ปริมาณ 280,000 ตัน อันดับแปดกลุ่มบริษัท ไทยฟ้าฯ ปริมาณ 270,000 ตัน  อันดับเก้าบริษัท ไทยมาพรรณ จำกัด 260,000 ตัน อันดับสิบบริษัท พงษ์ลาภ จำกัด 220,000 ตัน โดยบริษัทส่งออกท็อปเทนมียอดส่งออกรวมกันคิดเป็นสัดส่วน 70% ของปริมาณการส่งออกข้าวไทยไปต่างประเทศซึ่งปี 2552 มียอดส่งออกรวม 8.5 ล้านตัน

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ