นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติขยายเวลาการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ด้วยการให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวจากเกษตรกรตามราคาอ้างอิงที่กำหนดใน 3 จังหวัด คือ นครสวรรค์ พิษณุโลก และพระนครศรีอยุธยา จำนวน 8 จุด เพื่อหวังดึงราคาข้าวเปลือกที่ตกต่ำลงในปัจจุบัน ธ.ก.ส.จึงได้ปล่อยกู้ให้กับ อคส.และ อ.ต.ก. วงเงิน 20,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ร้อยละ 2.5 เพื่อเป็นทุนรับซื้อข้าวจากเกษตรกรในช่วงนี้

นายลักษณ์ กล่าวว่า ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ราคาข้าวอยู่ที่ 10,164 บาท/ตัน แต่ลดเหลือ 9,868 บาท/ตัน ในขณะนี้ เนื่องจากเกษตรกรได้นำข้าวมีความชื้นสูงออกมาขาย เพราะเป็นช่วงเก็บเกี่ยวจึงถูกโรงสีกดราคาจากค่าความชื้นถึง 1,500 บาท/ตัน รวมถึงกระแสข่าวความไม่ชัดเจนของการระบายข้าวในสตอกของรัฐบาล แต่เมื่อทุกอย่างมีความชัดเจน คาดว่าจะดึงราคาข้าวปรับสูงขึ้นได้ 

อย่างไรก็ตาม เพื่อแก้ปัญหาไม่ให้เกษตรกรเร่งนำข้าวออกขายในช่วงฤดูกาลเก็บเกี่ยว เนื่องจากมีความชื้นสูง เพราะต้องการเงินหมุนเวียนใช้จ่ายในครอบครัว ผู้จัดการ ธ.ก.ส.กล่าวว่า ธ.ก.ส.จึงได้เปิดโครงการรับฝากข้าวเปลือกในยุ้งฉางเกษตรกรด้วยการปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 2 ต่อปี เป็นเวลา 4  เดือน นับถัดจากเดือนที่รับฝากข้าว และจ่ายค่าเก็บรักษาข้าวให้ ธ.ก.ส.เป็นเงิน 1,000 บาท/ตัน ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ 2553  ส่วนในภาคใต้ รับฝากตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม 2553 โดยปัจจุบันมีเกษตรกรร่วมโครงการถึง 31,796 ราย ปริมาณข้าวรับฝาก 800,000 ตัน เป็นเงินกู้ 2,955 ล้านบาท

นายลักษณ์ กล่าวด้วยว่า ในช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูกาลเก็บเกี่ยวและเริ่มออกสู่ตลาดของข้าวนาปรัง ทำให้ข้าวมีความชื้นสูงกว่าปกติ เกษตรกรจึงควรเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางให้ถึงเวลาที่เหมาะสม หรือนำไปผึ่งแดดเพื่อลดความชื้น จะได้ข้าวคุณภาพดี และมองว่าแนวทางประกันรายได้เกษตรกรจะทำให้รัฐบาลหมดปัญหาในการระบายข้าวในสตอกของรัฐบาล ซึ่งมีทั้งปัญหาประมูลข้าวและราคาข้าวกระทบตลาดเมื่อรัฐบาลระบายข้าวออกมา  อีกทั้งการใช้ อ.ต.ก.และ อคส.ตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวจากเกษตรกร จะเก็บไว้ในช่วงสั้น และต้องระบายให้เร็วที่สุดภายใน 1 ปี ไม่ให้ข้าวเสื่อมคุณภาพ ทำให้ปัญหาระบายข้าวจะหมดไปในอนาคต

ที่มา สำนักข่าวไทย