www.thairiceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

อินเดียมึนปลูกข้าวได้ดีแต่ไม่มีโกดัง


เดอะ วอลล์ สตรีต เจอร์นัล รายงานว่า ในปีที่ผ่านมารัฐบาลอินเดียได้กว้านซื้อข้าวเจ้าและข้าวสาลีมาเข้าสต๊อกเป็นจำนวนมากภายหลังจากที่ประสบภาวะภัยแล้งครั้งรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยรัฐได้ตั้งราคารับซื้อไว้สูงเพื่อจูงใจเกษตรกรให้นำข้าวมาขายเข้าสต๊อก แต่ทำให้บริษัทข้าวเอกชนไม่กล้าสู้ราคาโดยมองว่าราคารับซื้อที่รัฐบาลกำหนดนั้นสูงเกินไป ส่งผลให้โกดังที่รัฐเป็นเจ้าของไม่มีพื้นที่เพียงพอในการจัดเก็บข้าวจำนวนมากที่รับซื้อมาจากเกษตรกร หน่วยงานท้องถิ่นบางแห่งจำเป็นต้องเก็บรักษาข้าวที่อยู่ในกระสอบเอาไว้กลางแจ้งและใช้แผ่นพลาสติกบางๆ คลุมเอาไว้ ทำให้ผลผลิตข้าวที่อยู่นอกโกดังได้รับความเสียหายเมื่อฝนตกกระหน่ำลงมา และแนวโน้มก็จะยิ่งเสียหายเพิ่มขึ้นเนื่องจากเป็นที่คาดหมายว่าจะยังคงมีฝนตกมาอีกอย่างต่อเนื่องในช่วงฤดูกาลนี้

เหตุการณ์ความสูญเสียดังกล่าวยิ่งซ้ำเติมภาวะราคาอาหารที่ขยับสูงขึ้นอยู่แล้วในประเทศอินเดีย  ทั้งภาวะเงินเฟ้อก็ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่ยากจนแม้ว่าในปีนี้ปริมาณน้ำฝนและพืชผลจะอุดมสมบูรณ์ก็ตาม ในช่วงเวลาเพียง 3 เดือนที่ผ่านมา ราคาข้าวสาลีในอินเดียปรับตัวสูงขึ้นแล้วประมาณ 12% เป็น 1,230 รูปีต่อ 100 กิโลกรัม หรือประมาณ 849 บาท

ราคาอาหารที่เพิ่มขึ้นได้กลายมาเป็นประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองที่พรรคฝ่ายค้านนำมาใช้ทำให้เกือบทั่วทั้งอินเดียต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่ในช่วงที่ผ่านมา เหตุจากการหยุดงานประท้วงเป็นเวลา 1 วัน นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อของอินเดียในเดือนมิถุนายนยังสูงถึง 10.55% แม้ว่าธนาคารกลางของอินเดียจะพยายามควบคุมเงินเฟ้อด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้วก็ตาม

ดี เอช ไพ พานันดิการ์ นักเศรษฐศาสตร์และประธานมูลนิธิอาร์พีจีในกรุงนิวเดลี กล่าวว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาดและความสะเพร่า "ถ้าเพียงแต่รัฐบาลมอบผลผลิตธัญพืชให้กับภาคเอกชนไปบริหารจัดการ ก็คงไม่มีข้าวแม้แต่เมล็ดเดียวที่ต้องเน่าเสีย แต่ในตอนนี้ (ผลผลิตที่เสียหาย) ก็ไม่เป็นของใครได้อีกแล้ว" พานันดิการ์คาดหมายว่า ราคาอาหารที่สูงขึ้นประกอบกับภาวะเงินเฟ้อรุนแรงจะส่งผลให้เศรษฐกิจอินเดียที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วจากการขับดันของอุปสงค์ภายในประเทศ มีการขยายตัวในอัตราที่ลดลง

ไม่มีการประเมินออกมาอย่างเป็นทางการว่า ปัญหาเรื่องการจัดเก็บสินค้าประเภทข้าวและธัญพืชในอินเดียทำให้ผลผลิตเสียหายไปแล้วมากน้อยเพียงใด แต่ผู้เชี่ยวชาญบางรายเชื่อว่าโดยรวมแล้วความเสียหายที่เกิดจากสภาพอากาศ แมลงกัดกิน และการลักขโมย อาจจะมากถึง 5-10% ของปริมาณผลผลิตทั้งหมด

ปัญหาในลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้นกับข้าวเจ้า นายชารัด พาวาร์ รัฐมนตรีกระทรวงอาหารและเกษตร กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้ต้นข้าวเสียหายไปประมาณ 10-15% "เราไม่ได้คิดล่วงหน้าว่าเราควรจะจัดเก็บผลผลิตอย่างไร เรามีผลผลิตที่ดี แต่ยังมีชาวอินเดียกว่า 250 ล้านคนที่เข้านอนด้วยความหิวโหย หรือไม่ก็ได้รับสารอาหารไม่เต็มที่" พารุล โซนี ผู้อำนวยการฝ่ายบริการให้คำปรึกษาด้านการพัฒนาของเอิร์นส แอนด์ ยัง ในประเทศอินเดียกล่าว

ในเวลานี้รัฐบาลอินเดียกำลังถูกกดดันให้ขายผลผลิตข้าวส่วนเกินออกมา ดี พี ซิงห์ ประธานสมาคมผู้ส่งออกธัญพืชของอินเดีย ให้ความเห็นว่ารัฐควรเก็บเฉพาะส่วนที่ต้องการและอีกเล็กน้อยสำหรับกรณีฉุกเฉิน ส่วนผลผลิตที่มากกว่านั้นถือว่าเป็นส่วนเกินและควรขายออกไป

รัฐบาลกลางอินเดียมีความพยายามที่จะขายผลผลิตส่วนเกินไปให้กับรัฐบาลท้องถิ่นในแต่ละรัฐ แต่ทางรัฐบาลท้องถิ่นลังเลที่จะซื้อในราคาสูงตามที่รัฐบาลกลางตั้งเอาไว้เนื่องจากไม่ต้องการขายในราคาที่ขาดทุนมาก อินเดียแบ่งข้าวสาลี 4.2 ล้านตันจากสต๊อกของรัฐสำหรับขายให้กับรัฐบาลท้องถิ่นและโรงสีเอกชนในระหว่างเดือนตุลาคม 2552 จนถึงกันยายน 2553 แต่มีเพียง 1.7 ล้านตันเท่านั้นที่ขายออกไปได้

ขณะเดียวกันทางการก็กำลังหาทางป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ผลผลิตมากไปกว่านี้ ดี เอส กรีวัล ผู้อำนวยการฝ่ายอาหาร เสบียงพลเรือน และกิจการผู้บริโภคของรัฐปันจาบ หนึ่งในรัฐอู่ข้าวอู่น้ำของอินเดีย กล่าวว่า "พวกเราพยายามทำให้สถานการณ์กลับเป็นเหมือนเดิม โดยเอาผลผลิตข้าวออกมาทำให้แห้ง" นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นยอมรับว่ามีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องสร้างโกดังเก็บผลผลิตเพิ่มเติม

ฝนที่ตกหนักลงมาอย่างต่อเนื่องยังเพิ่มโอกาสที่ในการจัดเก็บจะมีปัญหาอีกในปีหน้าด้วย "ถ้าการประเมินถูกต้องและปีหน้าเรามีผลผลิตมากขึ้น การจัดเก็บจะกลายมาเป็นปัญหาใหญ่ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราจึงเร่งให้ความช่วยเหลือรัฐบาลท้องถิ่นในการสร้างโกดังเก็บข้าวในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ" รัฐมนตรีพาวาร์ กล่าวและว่า รัฐยังจะแก้ปัญหาด้วยการเช่าโกดังเอกชนเป็นเวลา 7 ปีเพื่อเก็บข้าว โดยจำเป็นต้องยอมจ่ายค่าเช่าเต็มเวลาแม้ว่าบางช่วงจะมีข้าวให้เก็บในโกดังของเอกชนในปริมาณน้อยก็ตาม

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@thairiceexporters.or.th


Copyright © 2009 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.