นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้แก้ไขปัญหาราคาข้าวตกต่ำ โดยมีมติให้เปลี่ยนแปลงสูตรการคำนวณราคาอ้างอิง การจ่ายชดเชยให้ชาวนาตามโครงการประกันรายได้ โดยให้นำราคาซื้อขายจริงในตลาดเฉลี่ยย้อนหลัง 7 วัน มาคำนวณเป็นราคาอ้างอิง เพื่อให้ชาวนาขายข้าวได้ใกล้เคียงกับราคาที่แท้จริงในตลาด เนื่องจากราคาอ้างอิงเดิมที่กำหนดสูงกว่าราคาซื้อขายจริงในตลาด ทำให้ชาวนาขายข้าวไม่ได้ราคา อีกทั้ง ยังได้รับเงินส่วนต่างจากโครงการประกันราคาน้อย เช่น ราคาซื้อขายจริงอยู่ที่ตันละ 7 พันบาท แต่ราคาอ้างอิงกลับอยู่ที่ 9 พันบาทต่อตัน ส่งผลให้ชาวนาได้รับเงินจากการประกันราคาเพียง 1 พันบาทต่อตัน
ภายหลังจากเปลี่ยนแปลงสูตรการคำนวณราคาอ้างอิงใหม่แล้ว ราคาอ้างอิงข้าวขาวความชื้น 15% จะอยู่ที่ 7,210 บาทต่อตัน ส่วนต่างที่ชาวนาจะได้รับจากโครงการประกันราคาจะอยู่ที่ 2,790 บาทต่อตัน ซึ่งสูตรการคำนวณใหม่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 26 เม.ย.นี้เป็นต้นไป
อย่างไรก็ตาม ชาวนาที่จะได้รับเงินชดเชยส่วนต่างจากการปรับสูตรคำนวณใหม่ จะไม่มีผลย้อนหลัง และยืนยันว่า รัฐบาลจะไม่มีนโยบายรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังอย่างแน่นอน ส่วนการระบายข้าวในสต็อกของรัฐบาล จะพิจารณาตามระยะเวลาที่เหมาะสม
นายไตรรงค์ กล่าวว่า กขช.ยังมีมติให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดกลางเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) เริ่มตั้งโต๊ะรับซื้อข้าวจากชาวนาทั่วราชอาณาจักร ภายใน 3 วัน รวมทั้งเห็นชอบให้โรงสี ที่เข้าร่วมโครงการประกันราคาข้าวกว่า 90 แห่ง ที่รับซื้อข้าวจากชาวนาในราคาอ้างอิง สามารถนำข้าวเปลือกที่รับซื้อไปแปรสภาพเป็นข้าวสารได้ในอัตรา 20-30% ของปริมาณข้าวที่รับซื้อ โดยที่รัฐบาลจะจ่ายค่าแปรสภาพให้โรงสีในอัตรา 500 บาทต่อตัน
การอนุญาตให้โรงสีที่รับซื้อจากชาวนาในราคาอ้างอิง สามารถนำข้าวมาแปรสภาพได้ เพื่อลดพื้นที่จัดเก็บข้าวเปลือกของโรงสี ซึ่งจะช่วยให้โรงสีรับซื้อข้าวจากชาวนาเพิ่มขึ้น โดยรัฐบาลจะจ่ายเงินค่าแปรสภาพข้าว เพื่อเป็นแรงจูงใจให้แก่โรงสี
นายไตรรงค์ กล่าวว่า กขช.ยังเห็นชอบมาตรการให้โรงสี ที่เข้าไปรับซื้อข้าวเปลือกจากชาวนา แล้วนำข้าวมาแปรสภาพเป็นข้าวสาร สามารถนำข้าวสารใหม่มาแลกข้าวเก่าในสต็อกของรัฐบาลในอัตรา 1 ต่อ 1 โดยมีเงื่อนไขว่า โรงสีจะต้องรับซื้อข้าวจากชาวนาในราคาอ้างอิงบวกอีกตันละ 300 บาท
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ขณะนี้ มีข้าวนาปรังที่เหลืออยู่และกำลังจะออกสู่ตลาดประมาณ 1.8 ล้านตัน หากคำนวณจากเงิน ที่รัฐบาลจะต้องจ่ายชดเชยให้กับชาวนา ในโครงการประกันราคาข้าวตันละ 2 พันบาท รวมกับค่าแปรสภาพข้าวให้แก่โรงสีบางส่วน คาดว่า งบประมาณที่จะใช้ทั้งหมดประมาณ 4 พันล้านบาท
สถานการณ์ราคาข้าวตกต่ำอย่างหนักในขณะนี้ โดยราคาข้าวนาปรังในบางพื้นที่ราคาลดลงมาอยู่ที่ 4-5 พันบาทต่อตันเท่านั้น โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาข้าวลดลง เกิดจากแรงกดดันสต็อกข้าวรัฐบาลที่มีอยู่สูง 5-6 ล้านตัน ประกอบกับข้าวนาปรัง ที่ทยอยเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง แม้ผลผลิตในหลายประเทศจะได้รับความเสียหาย แต่มีธัญพืชอื่น ที่สามารถทดแทนได้ ส่งผลให้ผู้ซื้อรอเวลาในการสั่งออเดอร์ข้าว โดยมีการคาดการณ์ว่า ราคาจะตกต่ำลงไปอีก
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
|