นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพ.ค.พบว่าสินค้าส่วนใหญ่ยังมีราคาสูงขึ้น เช่น ข้าวนาปรัง ปาล์มน้ำมัน ยางพารา มังคุด ลองกอง ลิ้นจี่ ไก่เนื้อ ยกเว้น มันสำปะหลัง ขณะที่สินค้าที่ปรับตัวลดลง เช่น ทุเรียน เงาะโรงเรียน และสุกร สำหรับ ทุเรียน
สถานการณ์ราคาดังกล่าวในภาพรวม สอดคล้องกับดัชนีราคาที่เกษตรกรขายได้ที่ไร่นาในเดือนเม.ย.2553 ซึ่งอยู่ที่ 151.57 เพิ่มขึ้น 20.14% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยสินค้าสำคัญที่ราคาสูงขึ้นได้แก่ ข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว อ้อยโรงงาน มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ยางพารา สุกร ไก่เนื้อ และไข่ไก่
ส่วนสินค้าที่ราคาลดลง ได้แก่ ข้าวเจ้านาปี ข้าวนาปรัง กาแฟ สับปะรด และกุ้งขาวแวนนาไม และเมื่อเทียบกับเดือนมี.ค. ที่ผ่านมาพบว่าดัชนีราคา สูงขึ้น 2.75% ในเดือนพ.ค. คาดว่าดัชนีราคาจะเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก แม้ว่าผลผลิตสินค้าที่สำคัญจะออกสู่ตลาดมากขึ้นในกลุ่มผลไม้
ส่วนของข้าวคาดว่าราคาในประเทศจะสูงขึ้น หลังจากผ่านเดือนพ.ค.นี้ไปแล้ว เนื่องจากผลผลิตข้าวนาปรังปี 2553 ใน 10 จังหวัดภาคกลาง จะมีเพียง 3.144 ล้านตัน ลดลง 2.98% จะส่งผลให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้น แต่มีปัจจัยเสี่ยง คือ เศรษฐกิจของเวียดนามที่ยังมีปัญหาเงินเฟ้อและดุลการค้า จึงมีความเป็นไปได้ที่จะปรับลดค่าเงินด่องลงอีก ซึ่งจะทำให้ข้าวเวียดนามมีราคาถูกกว่าไทยมาก
นอกจากนี้ ประเทศผู้นำเข้าข้าวบางประเทศมีการบริโภคข้าวลดลง โดยเฉพาะตลาดอินเดียที่คาดว่าอาจจะต้องนำเข้าข้าวในปี 2553 หันไปใช้ข้าวสาลีแทนจึงยังไม่ต้องนำเข้าข้าว ส่วนตลาดแอฟริกาหันไปบริโภคข้าวโพด ทำให้ความต้องการลดลงเช่นกัน
นายธีระ กล่าวว่า รัฐได้เตรียมเปิดตลาดสินค้าส่งออกข้าวใหม่ ในประเทศตะวันออกกลาง กลุ่มประเทศไซบีเรีย ที่มีกำลังซื้อสูง รวมทั้งรัฐบาลจะเร่งระบายข้าวในสต็อกแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ซึ่งจะทำให้กลไกด้านราคากลับสู่ภาวะปกติ ส่งผลให้ราคาปรับตัวสูงขึ้น
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
|