www.thairiceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

ติดเบรกดีลขายข้าวบริษัทเอ็มที พณ.ขู่ส.ส่งออกข้าวหยุดให้ข่าว


ผู้สื่อข่าว "ประชาชาติธุรกิจ" รายงานการขายข้าวสต๊อกรัฐบาลแบบเงียบ ๆ อย่างลับ ๆ ของคณะทำงาน ดำเนินการระบายข้าวสาร ที่มี นายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นประธานให้กับบริษัทเอ็มที เซ็นเตอร์เทรด บริษัทในเครือเม้งไต๋ จำนวนมากกว่า 1 ล้านตัน (อ่านรายละเอียด น.7) เป็นการระบายข้าวแบบไม่มีการเปิดประมูล ประกอบกับองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ในฐานะผู้เก็บรักษาข้าวที่ขายให้กับบริษัทเอ็มทีฯไม่ยอมทำสัญญาส่งมอบข้าวให้

หลังจากที่ "มิสเตอร์เฉิน" หรือนายจุ้งเชียง เฉิน กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอ็มที เซ็นเตอร์เทรด ออกมาเปิดตัวในวงการค้าข้าว พร้อมที่จะขายข้าวที่ซื้อจากรัฐบาลในจำนวน 2,085,051 ตัน แบ่งเป็น ข้าวปทุมธานี 49,141 ตัน, ข้าวเหนียว 10% 118,946 ตัน และข้าวขาว 5% 1,916,964 ตัน ปรากฏได้มีผู้ส่งออกข้าว-โรงสีหลายรายได้เข้าไปดูข้าวในคลัง และติดต่อกลับไปยังมิสเตอร์เฉิน เพื่อต่อรองราคา แต่ทางมิสเตอร์เฉินอ้างว่า "ยังไม่เรียบร้อย ไม่สามารถต่อรองราคาซื้อขายได้"

ส่งผลให้ผู้ส่งออก-โรงสีข้าวหลายรายเริ่มไม่มีความเชื่อมั่นในการซื้อข้าวจากบริษัทเอ็มทีฯ จนมีการตั้งข้อสังเกตกันแล้วว่า บริษัทเอ็มทีฯไม่สามารถทำสัญญาส่งมอบข้าวรัฐบาลได้ เนื่องจากไม่สามารถวางหลักทรัพย์ค้ำประกันที่เป็นวงเงินเกือบ 1,000 ล้านบาท นอกจากจะมีการแบ่งซอยย่อยสัญญาซื้อขายข้าวออกไป และติดต่อให้ผู้ต้องการข้าวนำเงินมาวางค้ำประกันกับบริษัทเอ็มทีฯ เพื่อบริษัทจะได้ไปวางค้ำประกันกับกระทรวงพาณิชย์อีกต่อหนึ่ง แบบจับเสือมือเปล่า

ล่าสุดมีรายงานข่าวจากธนาคารไทยพาณิชย์ว่า กลุ่มเม้งไต๋เคยเป็นลูกค้าของธนาคารจริง แต่เกิดกรณีโกงสต๊อกข้าวขึ้น ธนาคารได้ฟ้องร้อง และไม่มีการปล่อยสินเชื่ออีก

ขณะที่แหล่งข่าวในธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่อีกรายหนึ่ง ซึ่งติดตามวงการค้าข้าวในภาคอีสานมานาน ให้ข้อมูลว่า ช่วงที่กลุ่มทุนคนจีนเข้ามาลงทุนโรงสีเม้งไต๋ ช่วงแรกธนาคารไปเสนอบริการสินเชื่อเพราะเห็นว่าเป็นโรงสีที่ค่อนข้างใหญ่ มีกำลังการผลิตประมาณ 1,000 เกวียน แต่ก็พบว่า บริษัทในกลุ่มนี้มีพฤติกรรมผิดสังเกต กล่าวคือมีความพยายามที่จะแตกไลน์ธุรกิจไปเป็นผู้ส่งออกยางพาราด้วย ขณะเดียวกันก็มีนักการเมืองท้องถิ่นหลายคนเข้ามาฝากให้ธนาคารดูแลลูกค้ารายนี้

ทางด้านคณะทำงานดำเนินการระบายข้าวสาร โดยนายมนัส สร้อยพลอย ได้ทำหนังสือถึงนายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ในวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมา เรื่องการระบายข้าวสารในสต๊อกของรัฐบาลว่า การดำเนินการขายข้าวนั้น "ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ และสอดคล้องกับเงื่อนไขของยุทธศาสตร์การระบายข้าวแล้ว"

นอกจากนี้ นายมนัสยังได้ "ตำหนิ" การให้ความเห็นหรือให้ข้อมูลใด ๆ ของสมาชิกสมาคมบางรายเกี่ยวกับการระบายข้าวของรัฐบาลว่า "เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ขอให้ระมัดระวัง มิฉะนั้นจะเป็นการสร้างความเสียหายต่อตลาดข้าวของประเทศโดยรวมได้"

ขณะที่นางสาวกอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยกล่าวว่า ได้แจ้งให้สมาชิกทราบแล้ว แล้วแต่การตัดสินใจของใคร แต่สมาคมก็คงไม่ทำหนังสือขอทราบข้อเท็จริงเรื่องการระบายข้าว แต่จะรอดูสถิติการส่งออกข้าวจนถึงสิ้นปี 2553 ซึ่งเดิมวางเป้าหมายไว้ 8.5 ล้านตัน หากรัฐบาลขายข้าวให้เอกชนและกำหนดเงื่อนไขให้ส่งออก 2-4 ล้านตันจริงภายในสิ้นปีนี้ ยอดส่งออกข้าวเฉพาะในส่วนของเอกชนจะต้องเพิ่มขึ้น ทำให้ยอดรวมส่งออกทั้งปีต้องอยู่ที่ 10.5-12.5 ล้านตัน ก็จะเป็นเครื่องยืนยันได้เอง ส่วนนโยบายจะปิดให้เป็นความลับเพราะเกรงจะมีผลกระทบต่อราคาคงทำได้ยาก เพราะเทรดเดอร์ต่างประเทศมาตั้งบริษัทในเมืองไทยและมีตัวแทนเป็นคนไทย ผู้ส่งออกไทยทราบอะไร เทรดเดอร์ก็ทราบเช่นเดียวกัน นางสาวกอบสุขกล่าว

ด้านแหล่งข่าวจากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยกล่าวถึงการทำหนังสือของนายมนัสว่า หลายบริษัทตื่นตระหนกเพราะไม่มีรัฐบาลใดเคยทำอย่างนี้มาก่อน ผู้ส่งออกยอมรับว่าอยากทราบข้อเท็จจริงว่า รัฐบาลดำเนินการขายข้าวอย่างโปร่งใสอย่างไร เพราะข้อมูลระบุว่าบริษัทเอ็มทีฯ ซึ่งเป็นบริษัทที่ซื้อข้าวจากกรมการค้าต่างประเทศ ปริมาณ 2 ล้านตันนั้น เพิ่งเข้าเป็นสมาชิกสมาคมเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ไม่นับรวมบริษัท เม้งไต๋ จำกัด (ผู้ถือหุ้นบริษัทเอ็มทีฯ) ที่เป็นสมาชิกสมาคมนานแล้ว และจนถึงขณะนี้บริษัทเอ็มทีฯมียอดส่งออกข้าวรวม 100 ตัน โดยเดือนก่อนมียอดส่งออกเพียง 43 ตัน ส่งออกไปจีนเท่านั้น

"เราจึงอยากให้นายมนัสแสดงคำสั่งซื้อข้าวที่บริษัทเอ็มทีฯมายื่นขอซื้อข้าว ว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน"

นายปราโมทย์ วานิชานนท์ กรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) และคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ดูแลเรื่องกลยุทธ์การตลาดการตรวจสอบสต๊อกสินค้าเกษตร กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่นายมนัสทำหนังสือไปถึงสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย โดยอ้างถึงกรอบยุทธศาสตร์ที่ กขช. เห็นชอบเรื่องการระบายสินค้าเกษตรโดยเฉพาะด้านปริมาณและวิธีการ เพราะถ้าหากตรวจสอบมติ กขช. เรื่องการระบายข้าวย้อนหลังไปเป็นปี จะทราบว่า กขช.ไม่เคยเห็นชอบแนวทางระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาลออกปริมาณมากคราวละเป็นล้านตัน มีเพียงให้ระบายข้าวคราวละ 300,000-400,000 ตัน โดยไม่ให้กระทบต่อตลาด ซึ่งก็ทราบดีว่าไม่ได้หมายถึงการจำกัดการแข่งขัน โดยตีความว่าให้กระจุกอยู่เพียงบางราย

"การที่ผู้ส่งออกข้าวตั้งกระทู้ถามเรื่องธรรมาภิบาลในการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาล เป็นโจทย์ที่นายกรัฐมนตรีจะต้องพิจารณาหลังจากกลับจากนิวยอร์ก ผมเชื่อว่าหากมีการประชุม กขช. ครั้งต่อไป ก็คงต้องมีการสอบถามข้อเท็จจริงว่า ทำไมถึงปล่อยระบายข้าวออกมาถึง 4 ล้านตัน ทั้งที่มติ กขช.มีแนวทางให้ทยอย ๆ คราวละ 300,000-400,000 ตัน และใช้วิธีการลักษณะเช่นนี้ ส่วนเรื่องราคาก็ยังพอรับได้เพราะเป็นไปตามเกณฑ์ ซึ่งที่ผ่านมาทางกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะผู้จัดเตรียมการประชุม กขช. ไม่ได้นัดประชุมเลยนับตั้งแต่วันที่ 17 สิงหาคม 2553 ซึ่งเป็นการประชุมก่อนการระบายข้าว" นายปราโมทย์กล่าว

ที่มา ประชาชาติธุรกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@thairiceexporters.or.th


Copyright © 2009 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.