นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ทราบว่า กัมพูชา เริ่มทดลองส่งออกข้าวหอมมะลิไปจำหน่ายยังตลาด สหภาพยุโรป(อียู) โดยใช้สิทธิพิเศษยกเว้นภาษีนำเข้าแล้ว ซึ่งในอนาคตจะส่งผลกระทบต่อตลาดการส่งออกข้าวหอมมะลิของไทยเป็นอย่างมาก เพราะราคาข้าวของกัมพูชาจะถูกกว่า เนื่องจากปัจจุบันข้าวหอมมะลิไทยถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 30% ขณะที่ข้าวหอมมะลิกัมพูชาไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า ซึ่งอาจทำให้ไทยสูญเสียตลาดข้าวหอมมะลิในยุโรป ที่มีมูลค่าปีละประมาณ 3,300 ล้านบาท ให้กับกัมพูชาได้

นอกจากนี้ ทางเวียดนาม ก็เร่งส่งเสริมการส่งออกข้าวหอมมะลิมากขึ้นเช่นกัน โดยช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ปริมาณการส่งออกข้าวหอมมะลิของไทยแพ้เวียดนามแล้ว เพราะข้าวหอมมะลิเวียดนาม มีราคาเพียงตันละ 600 เหรียญสหรัฐ ขณะที่ข้าวหอมมะลิไทยอยู่ที่ตันละ 900 เหรียญสหรัฐ

"ขณะนี้ตลาดส่งออกข้าวหอมมะลิของไทยหายไป 25% โดยเวียดนามแย่งตลาดไปได้ ขณะที่กัมพูชากำลังเร่งส่งออกข้าวหอมมะลิเช่นกัน ทั้งนี้ถ้ารัฐบาลมุ่งแก้แต่ปัญหาด้านราคาข้าว โดยไม่สนใจหาวิธีลดต้นทุน และเพิ่มคุณภาพข้าวหอมมะลิ ไทยอาจไม่เหลือตลาดส่งออกข้าวหอมมะลิได้" นายชูเกียรติ กล่าว

นายชูเกียรติ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ประเทศแถบตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดนำเข้าข้าวรายใหญ่ของไทยได้เข้ามาลงทุนเช่าที่นาเพื่อปลูกข้าวในประเทศแถบเอเชียจำนวนมาก เพื่อส่งออกข้าวกลับไปใช้บริโภคภายในประเทศตนเอง ซึ่งจะกระทบต่อการส่งออกของไทยแน่นอน เพราะถ้าประเทศกลุ่มดังกล่าวมีการผลิตเพื่อนำไปจำหน่ายแก่ประเทศตะวันออกกลางด้วยกันเอง แทนการสั่งซื้อจากไทย อาจทำให้ไทยสูญเสียตลาดข้าวในตะวันออกกลาง ซึ่งปัจจุบันไทยครองส่วนแบ่งอยู่ 20% ของยอดการส่งออกรวม 8.5 ล้านตัน แบบหลีกเลี่ยงไม่ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเดือนเมษายน ที่ผ่านมา บริษัท Laurent Import Export Company จำกัด ของกัมพูชาได้ทดลองส่งออกข้าวหอมมะลิคุณภาพสูง จำนวน 243 ตัน ไปยังตลาดยุโรป โดยใช้สิทธิพิเศษไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าแล้ว เพื่อทดสอบตลาด และเตรียมส่งออกไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ และอิตาลี เพิ่มอีก 230 ตัน ในราคาตันละ 920 เหรียญสหรัฐ ในเดือนกรกฏาคมนี้

ด้านนายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมารัฐมนตรีพาณิชย์ประเทศอิรัก ได้เจรจาร่วมกับนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ของไทย โดยได้แสดงความสนใจที่จะสั่งซื้อข้าว และน้ำตาลทรายจากไทย ซึ่งนางพรทิวา ได้มอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศดำเนินการเจรจากับทางผู้แทนรัฐบาลอิรัก เพื่อหาข้อสรุป และความเป็นไปได้ในการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) ทั้งนี้ปริมาณข้าวที่อิรักสนใจสั่งซื้อ คือ ข้าวขาว 5% อย่างน้อยเดือนละ 100,000 ตัน โดยจะทำสัญญาระยะยาว 24 เดือน รวมทั้งหมดประมาณกว่า 2,000,000 ตัน เบื้องต้นได้หารือระดับเจ้าหน้าที่ และได้ดำเนินการอยู่ในขั้นตอนการเจรจาเรื่องสัญญา และเงื่อนไขต่างๆ

"ถือเป็นโอกาสของไทยที่จะได้รื้อฟื้นการค้าขายแบบจีทูจีขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากไทยห่างเหินการขายข้าวจีทูจีกับรัฐบาลอิรักมานานแล้ว สำหรับเรื่องราคานั้นจะใช้ฐานราคามิตรภาพ ที่ผ่านมาอิรักจะนำเข้าข้าวส่วนใหญ่จากเอกชนไทย ส่วนการขายน้ำตาล กระทรวงพาณิชย์ได้มอบให้บริษัทอ้อยและน้ำตาลไทยเป็นผู้ขายให้กับอิรัก โดยให้ไปพิจารณาด้านปริมาณ คุณภาพ และราคาที่จะเหมาะสมมาเสนออีกครั้ง" นายมนัส กล่าว

ทั้งนี้ ช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ ไทยส่งออกข้าวไปยังอิรัก มีปริมาณ 123,400 ตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 5.06%

ที่มา แนวหน้า