คณะผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันวิจัยข้าวระหว่างประเทศ (อีร์รี) รายงานเมื่อวันพุธ (27 ต.ค.) ว่า ความเสียหายที่เกิดกับพื้นที่ปลูกข้าวสาลีสำคัญๆ ทั่วโลก กำลังจุดชนวนทำให้ราคาข้าวโลกช่วง 2-3 เดือนข้างหน้าผันผวน ประกอบกับแหล่งปลูกข้าวใหญ่ๆ ในปากีสถาน ได้รับความเสียหายจากอุทกภัย ตลอดจนปัญหาภัยแล้ง และน้ำท่วมหนักในจีน ทำให้ผลผลิตข้าวในพื้นที่เพาะปลูกข้าวสำคัญๆ ของภูมิภาคเอเชีย ลดลงแล้วประมาณ 5-10% ในปีนี้
"เมื่อมองในภาพรวม ปริมาณข้าวทั่วโลกกำลังอยู่ในภาวะตึงตัว แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายเท่ากับสถานการณ์ในภูมิภาคที่เป็นแหล่งปลูกข้าวสาลีสำคัญๆ ของโลก ทำให้ไม่สามารถประเมินปริมาณข้าวที่หมุนเวียนอยู่ในแต่ละประเทศของโลกได้ ด้วยเหตุนี้ ราคาข้าวจึงมีความผันผวนมากในช่วง 2-3 เดือนนับจากนี้ไป แต่ไม่เลวร้ายเหมือนวิกฤติราคาข้าวเมื่อปี 2551 ซึ่งราคาข้าวทะยานสูงสุดในรอบ 30 ปี "อีร์รี ซึ่งมีฐานดำเนินงานในฟิลิปปินส์ บทความในนิตยสารรายไตรมาสของอีร์รี ที่มีชื่อว่า "ไรซ์ ทูเดย์" ระบุ
ทั้งนี้ ราคาข้าวสาลีทะยานสูงสุดในรอบ 2 ปี ในช่วงเดือน ส.ค. เมื่อรัสเซียสั่งห้ามส่งออกข้าวสาลีเป็นการชั่วคราวในปีนี้ หลังจากเกิดสถานการณ์แล้งทั่วประเทศรวมทั้งไฟป่า ซึ่งคาดการณ์ว่าจะทำให้ผลผลิตข้าวสาลีรายปีของรัสเซียลดลงกว่า 30% ส่วนประเทศเพื่อนบ้านและผู้ส่งออกรายอื่นๆ อาทิเช่น คาซัคสถาน และยูเครน ต่างก็ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภัยธรรมชาติเช่นกัน เช่นเดียวกับแหล่งปลูกข้าวสาลีในแคนาดาที่เผชิญพายุฝนรุนแรง ส่งผลให้พื้นที่เพาะปลูกข้าวสาลีได้รับความเสียหายอย่างหนัก
กระทรวงเกษตรสหรัฐ คาดการณ์ว่า ผลผลิตข้าวสาลีทั่วโลกในฤดูเก็บเกี่ยวปี 2553-2554 จะร่วงลง 5.44% จากปีก่อนหน้านี้ เหลือเพียง 643 ล้านตัน
คาดผลผลิตข้าวไทยหาย 6 แสนตัน
นายประเสริฐ โกศัลวิตร อธิบดีกรมการข้าว กล่าวว่า ราคาข้าวจะทะยานขึ้น เนื่องจากปริมาณข้าวมีจำกัดหลังจากพื้นที่ปลูกข้าวในเอเชีย ซึ่งมีฐานะเป็นทั้งผู้ซื้อข้าวรายใหญ่สุดของโลก และผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่สุดของโลก ได้รับความเสียหายจากพายุและอุทกภัยรุนแรง
ทั้งนี้ คาดว่าผลผลิตข้าวจะลดลงประมาณ 6-8 แสนตันข้าวเปลือก จากที่คาดไว้ 29 ล้านตันข้าวเปลือก ซึ่งต้องรอดูสถานการณ์หลังน้ำลดอีกครั้ง แต่ปริมาณข้าวที่ลดลงจะไม่กระทบกับการส่งออก ส่วนราคาจะสูงขึ้น เพราะผลิตธัญพืชของโลกได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ เช่น รัสเซีย อินเดีย ห้ามส่งออกแล้ว ขณะที่เวียดนามคู่แข่งสำคัญของไทยทำสัญญาขายข้าวให้กับอินโดนีเซียล่วงหน้า ปัจจุบันยังไม่มีข้าวที่จะส่งมอบ เพราะผลผลิตข้าวได้รับความเสียหายจากพายุ ทำให้คาดว่าอินโดนีเซียอาจจะหันมาซื้อข้าวนาปีของไทยในช่วงต้นปีหน้าเพื่อเก็บสต็อก ส่งผลให้ราคาข้าวในประเทศสูงขึ้น
ด้านนายมามาดู ซิสส์ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) เออร์เมส อินเวสเมนท์ ซึ่งมีฐานอยู่ในสิงคโปร์ คาดการณ์ว่า ราคาข้าวอาจเพิ่มขึ้นจากราคาปัจจุบันประมาณ 100 ดอลลาร์ หรือสูงกว่านั้น ประมาณช่วงปลายปีนี้หรือไม่ก็เดือน ม.ค. โดยราคาข้าวไทย ใช้เป็นมาตรฐานของตลาดเอเชีย เมื่อวันที่ 20 ต.ค. อยู่ที่ 510 ดอลลาร์ต่อตัน ถือเป็นราคาปิดสูงสุดในรอบ 6 เดือน
สศก.คาดข้าวนาปีเสียหาย 1 ล้านตัน
นายอภิชาต จงสกุล เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กล่าวว่า ภัยน้ำท่วม ทำให้ข้าวได้รับผลกระทบมากสุด ซึ่งผลผลิตข้าวนาปี 2553/2554 มีความเป็นไปได้ที่จะหายไปประมาณ 1 ล้านตันข้าวเปลือก จากที่ประมาณการไว้ 22.89 ล้านตัน โดยรายงานเบื้องต้นพบว่า ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูกข้าวเสียหาย 4 ล้านไร่ ทำให้ผลผลิตหายไปประมาณ 4-5 แสนตันข้าวเปลือก และแม้ผลผลิตจะลดลงมากถึง 1 ล้านตัน แต่ยังหวังว่าข้าวนาปรังจะได้ผลิตเต็มที่ และผลักดันให้ผลผลิตข้าวปี 2554 มีประมาณ 28 ล้านตันข้าวเปลือก ลดลงจากที่คาดไว้ 29 ล้านตันข้าวเปลือก เมื่อรวมกับข้าวในสต็อกรัฐบาล 2-3 ล้านตัน คาดว่าจะไม่กระทบกับการบริโภคในประเทศ และการส่งออก จะยังทำได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ 8 ล้านตันข้าวสาร
"ผลผลิตข้าวที่ลดลงจะไม่ส่งผลกระทบในภาพรวมมาก ส่วนราคาข้าวในปีหน้าจะสูงขึ้นแน่ เพราะทั่วโลกต่างก็ต้องการ"
"ผู้ส่งออก" ชี้ผลผลิตข้าวลดสร้างโอกาสไทย
นายสมพงษ์ กิตติเรียงลาภ ประธานกรรมการบริษัท พงษ์ลาภ จำกัด กล่าวว่า การคาดการณ์ของอีร์รี ที่ระบุว่า ผลผลิตข้าวโลกจะลดลงเบื้องต้นเห็นว่าจะเป็นโอกาสของประเทศไทยในการส่งออกข้าว แต่ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะบริหารจัดการเรื่องนี้อย่างไร เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด โดยสิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการ คือ แสดงความชัดเจนทั้งเรื่องปริมาณสต็อกที่มีอยู่ และกำหนดแผนระบายแบบค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้ตลาดได้รับผลกระทบ
ส่วนการเจรจาขายแบบรัฐต่อรัฐ ควรให้ผู้ส่งออกเข้ามามีส่วนช่วย เช่น การรับออเดอร์ประเทศนั้นๆ ไว้ก่อน และให้ผู้ส่งออกปรับปรุงคุณภาพให้ได้ตามที่ผู้ซื้อต้องการ เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในตลาดนั้นๆ ไปโดยสิ้นเชิง
ทั้งนี้ ภาพรวมราคาข้าวถือว่ายังไม่น่าเป็นห่วง แต่คิดว่าควรจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อีก จากสถานการณ์น้ำท่วมซึ่งต้องขึ้นกับแผนบริหารจัดการของรัฐว่าจะสามารถผลักดันราคาได้มากน้อยเพียงใด
ไต้ฝุ่นเมกีถล่มผลผลิตข้าวปินส์กว่า 4 แสนตัน
กระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์ เปิดเผยว่า ตัวเลขประมาณการผลผลิตข้าวที่ได้รับความเสียหายจากพายุไต้ฝุ่นเมกี ในฟิลิปปินส์ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 468,546 ตัน ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อผลผลิตข้าวภายในประเทศ โดยความเสียหายจนถึงวานนี้ (27 ต.ค.) ประมาณการผลผลิตข้าว ที่เสียหายคิดเป็นมูลค่า 8 พันล้านเปโซ (185 ล้านดอลลาร์) หรือเป็นสัดส่วนกว่า 6% ของผลผลิตข้าวจำนวน 7 ล้านตัน ในไตรมาส 4
เมื่อวันศุกร์ (22 ต.ค.) กระทรวงเกษตร ระบุว่า ผลผลิตข้าว 353,415 ตัน ได้รับความเสียหายใน 17 จังหวัดทางเหนือของกรุงมะนิลา โดยความเสียหายทั้งหมดของผลผลิตข้าวมีมูลค่า 1.059 หมื่นล้านเปโซ โดยฟิลิปปินส์ ผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ที่สุดของโลก ได้ซื้อข้าวสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 2.45 ล้านตัน เพื่อรองรับความต้องการสำหรับปีนี้ ทั้งนี้ ความวิตกเกี่ยวกับความเสียหายของผลผลิตข้าวอาจทำให้ราคาในตลาดโลกปรับตัวขึ้น และฟิลิปปินส์จะสั่งซื้อข้าวมากขึ้นในปี 2554
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
|