www.thairiceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

มาเลย์บีบไทยลดราคาข้าวใกล้เวียดนาม


นายธราดล เปี่ยมพงศ์สานต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง แถลงผลการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ หรือ ครม.เศรษฐกิจ ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน วานนี้ (28 มิ.ย.) ว่า ได้หารือสถานการณ์ส่งออกข้าวพบว่า ที่ผ่านมาการส่งออกลดลง 12.5% เนื่องจากการแข่งขันด้านราคากับคู่แข่ง เช่น เวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย เพราะความต้องการไม่เพิ่ม และแอฟริกาผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ ที่ใช้เงินยูโรชะลอนำเข้า เพราะเงินยูโรอ่อนค่าส่งผลให้ราคาข้าวไทยแพงขึ้น จึงหันไปบริโภคข้าวคุณภาพต่ำ และข้าวสาลีที่ราคาถูกกว่า ขณะที่ เวียดนาม ส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น ทำให้ส่วนต่างส่งออกข้าวไทยกับเวียดนามแคบลง

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือกรณีข้าวไทยถูกเวียดนามแย่งตลาด จึงต้องการให้กระทรวงพาณิชย์มีมาตรการดูแล เพราะขณะนี้เวียดนามกลายเป็นศูนย์กลางรับข้าวจากลาวและกัมพูชาเพื่อส่งออก ทำให้มีส่วนแบ่งตลาดมากขึ้น ขณะที่ข้าวหอมมะลิของไทยก็มีปัญหา เพราะถูกข้าวบัสมาติที่มีคุณภาพใกล้เคียงกันจากอินเดีย แต่ขายราคาสูงกว่าข้าวหอมมะลิ 1 เท่า นายกฯ สั่งให้กระทรวงพาณิชย์ไปชี้แจงกับผู้บริโภคว่าข้าวไทยกับข้าวบัสมาติมีคุณภาพใกล้เคียงกัน เพื่อให้ไทยขายข้าวหอมมะลิได้ราคาดีขึ้น

นอกจากนั้นปีนี้มาเลเซียมีความต้องการข้าวเพื่อบริโภค 2.6 ล้านตัน ขณะที่ผลิตได้เอง 1.5 ล้านตัน จึงต้องการนำเข้าข้าว โดยมามาเลเซียนำเข้าข้าวจากเวียดนามแล้ว 7 แสนตัน เหลืออีก 4 แสนตัน ในจำนวนนี้เสนอซื้อข้าวไทย 2-3 แสนตัน แต่ขอให้ไทยลดราคาข้าวลง เพราะราคาข้าวไทยสูงกว่าเวียดนามถึง 100 ดอลลาร์ต่อตัน

“มาเลเซียขอให้ไทยขายข้าวคุณภาพดี และลดส่วนต่างราคาข้าวคุณภาพดีของไทยกับข้าวคุณภาพต่ำของเวียดนามให้ราคาห่างกัน 30-40 ดอลลาร์ต่อตัน จากเดิมราคาต่างกัน 100 ดอลลาร์ต่อตัน นายกฯ จึงมอบให้กระทรวงพาณิชย์ไปพิจารณาว่าจะรับข้อเสนอได้หรือไม่”

นายธราดล กล่าวอีกว่า ที่ประชุมยังรับทราบสถานการณ์น้ำเพื่อการเกษตร ณ วันที่ 24 มิ.ย. ว่า สภาพน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลาง มีปริมาณน้ำทั้งหมด 3.38 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 46% ของความจุอ่างต่ำกว่าปี 2552 ที่มีปริมาณน้ำ 4.16 หมื่นล้านลบ.ม. และมีน้ำที่ใช้ได้ 9.96 พันล้านลบ.ม. โดยขณะนี้มีปริมาณฝนตกมากขึ้น ทำให้อ่างเก็บน้ำ 4 แห่งมีน้ำไหลเข้าเพิ่มเป็น 17.66 ล้านลบ.ม.ต่อวัน แต่มีน้ำไหลออก 22.26 ล้านลบ.ม.ต่อวัน

สำหรับเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์นั้น กรมชลประทาน คาดว่า ณ วันที่ 1 พ.ย.2553 จะมีน้ำใช้เพื่อการเกษตร 6.7-7.55 พันล้านลบ.ม. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุด แต่มากกว่าปี 2536 มีปริมาณน้ำ 6.62 พันล้านลบ.ม. อย่างไรก็ตามวันที่ 1 พ.ย.นี้ กรมชลประทานจะเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูฝน 1 ฤดู คิดเป็นปริมาณน้ำ 4.3 พันล้านลบ.ม. ทำให้ฤดูแล้งปี 2553/2554 จะมีน้ำใช้เพื่อการเกษตร 2.4-3.25 พันล้านลบ.ม. นายกฯ เป็นห่วงปริมาณน้ำน้อยกว่าปีก่อน 30-40% จึงสั่งให้กรมชลประทานเตรียมแผนรับมือเร่งด่วน ทั้งน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค รวมทั้งผลกระทบต่อโครงการประกันรายได้เกษตรกร และให้กระทรวงเกษตรฯ กับกระทรวงพาณิชย์ ร่วมพิจารณาแผนการปลูกพืช โดยเฉพาะข้าวนาปรัง และพืช อื่นๆ ที่จะได้รับผลกระทบ เช่น สับปะรด ปาล์มน้ำมัน และไม้ผล

แหล่งข่าวจากทำเนียบรัฐบาล กล่าวว่า นายกฯ ได้สอบถามถึงสถานการณ์น้ำในปี 2553 รมว.เกษตรฯ รายงานว่า ปริมาณน้ำในปี 2553 ไม่น่าเลวร้ายกว่าปี 2535-2536 ขณะที่ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกฯ เสนอว่า รัฐบาลควรส่งเสริมสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็ก หรือแก้มลิงใช้งบลงทุนเพียง 3-4 ล้านบาท แต่ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มเป็น 1.2 แสนบาทต่อครัวเรือนต่อปี โดยนายกฯเสนอให้ตั้งคณะกรรมการระดับชาติเพื่อบริหารจัดการน้ำด้วย

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@thairiceexporters.or.th


Copyright © 2009 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.