นายวิจักร วิเศษน้อย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวหลังประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวสาร ว่า ที่ประชุมได้หารือถึงการกำหนดเกณฑ์ราคากลางข้าวที่จะใช้ในการประมูลเสนอราคาข้าวในครั้งต่อไป ให้เป็นราคาที่ไม่สูงหรือต่ำเกินไป ซึ่งมี 2-3 สูตรที่จะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.) พิจารณาในวันที่ 29 มกราคม โดยสูตรเดิมใช้มาตั้งแต่ปี 2546 ไม่ทันสมัยเพราะอัตราค่าเช่าโรงสี อัตราดอกเบี้ย และค่ารักษาสภาพข้าวเปลี่ยนแปลงไปแล้ว

นอกจากนี้ องค์การคลังสินค้า(อคส.) ยังเสนอที่ประชุมขอขายข้าวเป็นกรณีพิเศษในส่วนของข้าวที่ค้างสต๊อกอยู่ 600,000-700,000 ตัน ซึ่งเป็นข้าวเก่าปี 2547-2548 แต่ที่ประชุมยังไม่อนุมัติ และขอให้ อคส.ไปจัดทำรายละเอียดว่าเป็นข้าวที่มีการติดคดีความอยู่หรือไม่ ทั้งนี้ อคส.อาจประกาศขายข้าวจำนวนดังกล่าวเองได้ ถ้าผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการ(บอร์ด) อคส.แล้ว

อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวอีกว่า ยังเตรียมเสนอที่ประชุม กขช.ให้อนุมัติมาตรการกำกับดูแลการนำเข้าข้าวภายใต้ข้อตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน(อาฟต้า) โดยจะกำหนดให้มีการนำเข้าเฉพาะที่ใช้ในอุตสาหกรรมที่ใช้ข้าวเป็นวัตถุดิบเท่านั้น และกำหนดนำเข้า 2 ช่วง คือ เดือนพฤษภาคม-กรกฏาคม และเดือนสิงหาคม-ตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่ผลผลิตข้าวไทยออกสู่ตลาดน้อยที่สุด ทำให้ไม่กระทบต่อราคาข้าวในประเทศและเกษตรกร

นอกจากนี้ ยังกำหนดให้อุตสาหกรรมที่ต้องการนำเข้าข้าวขึ้นทะเบียนกับกรมฯ และต้องขออนุญาตก่อนนำเข้า ส่วนช่องทางการนำเข้ากำหนดไว้ 6 แห่ง คือ ด่านแม่สอด จ.ตาก ด่านแม่สาย จ.เชียงราย ด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ด่าน จ.หนองคาย ด่าน จ.ระนอง และท่าเรือกรุงเทพฯ

ที่มา แนวหน้า