นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับคณะที่ปรึกษาด้านสินค้าเกษตร ถึงแนวทางการระบายข้าวสารในสต็อกของรัฐบาล ว่า ตนและคณะที่ปรึกษาได้พิจารณาข้อเสนอการระบายข้าวที่กระทรวงพาณิชย์นำเสนอมา ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้ระบายข้าวสารในสต็อกของรัฐบาลอย่างถูกต้อง และเป็นไปตามนโยบายที่กำหนด คือ ต้องขายข้าวให้ได้ราคา โดยดูราคาตลาดเป็นสำคัญ ส่วนวิธีการระบายจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับการดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์แต่ต้องเป็นไปตามนโยบายที่คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) กำหนด ขณะนี้ได้เห็นชอบให้มีการระบายข้าวสารออกจากสต๊อกของรัฐบาลไปแล้วประมาณ 1.6 ล้านตัน และยืนยันว่ายังมีนโยบายระบายข้าวอย่างต่อเนื่องอย่างเหมาะสมเพื่อให้รองรับผลผลิตข้าวใหม่ที่กำลังจะออกมาภายในปลายปีนี้

ท้าใครไม่พอใจขายข้าวให้ฟ้องปปช.

“ผมไม่สนใจว่ากระทรวงพาณิชย์จะขายข้าวให้กับใคร แต่ต้องขายให้ได้ราคาและขายในปริมาณที่ไม่มีผลต่อตลาดเท่านั้น ส่วนใครที่ไม่พอใจก็ต้องไปฟ้องร้องต่อศาลหรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือป.ป.ช.กันเอง ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย”นายไตรรงค์กล่าว

นายไตรรงค์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีไว้ชัดเจนแล้วว่าหลักการระบายข้าวของรัฐบาลนั้น ต้องมีขั้นตอนที่โปร่งใส มีวิธีการในรูปแบบของคณะกรรมการที่ต้องเซ็นชื่อกำกับทุกคน และสัญญาจะมีผลตามกฎหมายก็ต่อเมื่อได้รับความเห็นชอบจากนายกฯและตนเอง ในฐานะประธานกขช.แล้วเท่านั้น ที่สำคัญผู้ส่งออกที่เข้ามาเสนอซื้อนั้นต้องมีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศอย่างถูกต้องและชัดเจน เพื่อไม่ให้มีการเวียนเทียนนำกลับมาขายในตลาดอีก

มั่นใจมี 7 อรหันต์การันตี

นอกจากนี้ตนเองมีคณะที่ปรึกษาด้านสินค้าเกษตร ถึง 7คน หรือเรียกได้ว่าเป็น 7อรหันต์ เพราะแต่ละคนต่างมีความรู้ความเชี่ยวชาญเรื่องสินค้าเกษตรเป็นอย่างดี ที่สำคัญยังไม่มีผลประโยชน์ใด ๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นในการระบายข้าวออกจากสต๊อกของรัฐบาลในแต่ละครั้งจึงได้รับการกลั่นกรองและคำแนะนำป็นอย่างดีแล้วว่ามีความถูกต้องเหมาะสมหรือไม่

นายไตรรงค์ กล่าวยืนยันว่า รัฐบาลไม่มีนโยบายเปิดประมูลขายข้าวเป็นล็อตใหญ่ ๆ แน่นอน เพราะส่งผลกระทบต่อตลาดในประเทศ แต่จะดำเนินการในลักษณะของการทยอยขายเท่านั้น ซึ่งกระทรวงพาณิชย์มีแผนดำเนินการที่ชัดเจนอยู่แล้วว่าจะทยอยขายเป็นจำนวนเท่าใด ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เพราะถือเป็นกลยุทธ์และเพื่อป้องกันไม่ให้มีผลต่อราคาในตลาดด้วย ส่วนราคาข้าวในตลาดที่ลดต่ำลงในช่วงนี้เชื่อว่าไม่ได้มีสาเหตุหลักมาจากการขายข้าวของรัฐบาลแน่นอน

ที่ปรึกษาจี้พาณิชย์แจ้งสมาคมผู้ส่งออก

นายนิพนธ์ วงษ์ตระหง่าน หนึ่งในที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ด้านสินค้าเกษตร กล่าวว่า แนวทางการระบายข้าวสารออกจากสต๊อกของรัฐบาลนั้นมีหลายวิธี แต่การใช้วิธีการเปิดประมูลเป็นล็อตใหญ่เป็นการทั่วไปนั้น จะทำให้ราคาในตลาดลดลงทันที โดยคณะที่ปรึกษาได้แนะนำให้รัฐบาลทยอยขายในปริมาณที่เหมาะสมและพิจารณาราคาตามตลาดในขณะนั้นเป็นสำคัญ และยอมรับว่าการใช้วิธีการเจรจาแบบลับ ๆ ของกระทรวงพาณิชย์ ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงประเด็นความโปร่งใส

อย่างไรก็ตามได้แนะนำให้การระบายข้าวสารในครั้งต่อไป กระทรวงพาณิชย์ต้องเชิญสมาคมที่เกี่ยวข้องมารับทราบข้อมูลด้วย เพื่อให้สมาคมไปแจ้งข่าวสารต่อสมาชิกของตนเอง หากรายใดที่พร้อมโดยมีออร์เดอร์หรือคำสั่งซื้อจากต่างประเทศอย่างถูกต้องและชัดเจนก็สามารถเสนอตัวมาที่กระทรวงพาณิชย์ได้ เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ส่งออกทุกรายอย่างเท่าเทียมกัน

ชี้รัฐขายข้าวฉุดราคาตลาดอ่อนตัวเล็กน้อย

สำหรับราคาข้าวในขณะนี้ที่เริ่มปรับตัวลดลงนั้นยืนยันว่าเป็นเพียงผลทางจิตวิทยาเท่านั้น เพราะการระบายข้าวของรัฐบาลไม่ได้หมายความว่าเมื่ออนุมัติไปแล้วจำนวน 1.6 ล้านตันแล้วจะนำข้าวออกมาในระบบทันทีทั้งหมด เพราะผู้ซื้อจะทยอยมารับข้าวเป็นรอบ ๆ ไป เฉลี่ยเดือนละ 4 แสนตัน จึงไม่กระทบกับราคาตลาดมากมากนัก

ขณะเดียวกันราคาข้าวที่ลดลงก็มีผลต่อเกษตรกรน้อยมากเพราะส่วนใหญ่ต่างขายข้าวออกมากันหมดแล้ว ดังนั้นจึงเหลือเพียงส่วนหนึ่งในภาคกลางเท่านั้นและมีจำนวนไม่มากนัก โดยยืนยันว่าแนวโน้มราคาข้าวจะปรับสูงขึ้นตามความต้องการแน่นอน เพราะปัจจุบันประเทศคู่แข่งต่างได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติทำให้มีผลผลิตข้าวเข้าสู่ตลาดน้อยไม่ว่าจะเป็นจีน หรือเวียดนาม หรือแม้แต่ผลผลิตข้าวสาลีของรัสเซีย ก็ลดน้อยลง

“ ส่วนตัวแล้วยังเห็นว่ารัฐบาลยังมีช่องว่างอีกมากที่จะระบายข้าวในสต็อกออกมามากกว่าที่กำหนดไว้ เพราะยังมีความต้องการในตลาดอีกมาก รวมทั้งการระบายข้าวออกมาขณะนี้ยังรองรับผลผลิตฤดูใหม่ปลายปีด้วย ที่สำคัญทำให้ลดภาระงบประมาณเรื่องเช่าโกดังเก็บรักษาข้าวได้อีกทางหนึ่ง”

พบรัฐขายข้าวต่ำกว่าราคาตลาดกว่า 2พันล.

แหล่งข่าวผู้ค้าข้าว กล่าวว่า ข้าวที่รัฐบาลระบายสต็อกรอบนี้ กระทรวงพาณิชย์เสนอให้นายไตรรงค์ พิจารณาเมื่อวัน ที่27 ส.ค.ที่ผ่านมา แต่ผู้ส่งออกที่กระทรวงพาณิชย์เรียกไปเจรจานั้นได้ทยอยขนข้าวออกจากโกดังไปลงเรือ ตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ก่อนนายไตรรงค์อนุมัติ เหมือนรู้ล่วงหน้าว่านายไตรงค์ต้องอนุมัติแน่นอน โดยข้าวที่กระทรวงพาณิชย์ตกลงกับผู้ส่งออกมี 3 ชนิดรวม 1.6 ล้านตัน เป็นข้าวเหนียว 6 หมื่นตันปี 2551/2552 ราคาขาย 2 หมื่นบาทต่อตัน ราคาตลาดขณะนี้ 2.7 หมื่นบาทต่อตัน ที่เหลือขายข้าวหอมปทุมธานี ราคา 1.7หมื่นบาทต่อตัน ราคาตลาด 2 หมื่นบาทต่อตันและข้าวขาวราคา 1.2 หมื่นบาทต่อตันราคาตลาด 1.3หมื่นบาทต่อตัน

“น่าแปลกใจที่มีการขนข้าวล่วงหน้า แสดงว่ามีการตกลงกันไปก่อนแล้ว ผู้ส่งออกที่ได้ข้าวจึงมั่นใจ แต่ข้าวเหนียวขายต่ำกว่าตลาดตั้ง 7,000บาท รองนายกฯไตรรงค์ควรเบรก แต่ก็ไม่เบรก คงเห็นว่าปริมาณน้อย ต้องนับถือฝีมือผู้อยู่เบื้องหลัง ที่ขายข้าวแบบเงียบๆ โดยพรรคประชาธิปัตย์ได้แต่นั่งทำตาปริบๆ และต้องไฟเขียวให้ หากมองย้อนกลับไปจะเห็นว่าตอนเปลี่ยนจาก นายกอร์ปศักดิ์(สภาวะสุ)มาเป็น นายไตรรงค์ ทีมงานรัฐมนตรีค่อนข้างพอใจและมั่นใจการประสานงานมาก ”

ทั้งนี้หากคำนวณส่วนต่างระหว่างราคาขายกับราคาตลาด ในส่วนข้าวเหนียวพบว่า รัฐขายข้าวต่ำราคาตลาด 420 ล้านบาท ขณะที่ข้าวหอมปทุมธานีและข้าวขาว ที่รัฐจะระบายอีก 1.54 ล้านตันเมื่อคำนวณจากส่วนต่างราคาที่ประมาณ 1,000 บาทต่อตัน จะพบว่ารัฐระบายต่ำกว่าราคาตลาดอีกประมาณ 1,540ล้านบาทรวมรัฐระบายข้าวครั้งนี้ต่ำกว่าราคาตลาดเกือบ 2 พันล้านบาท

เผยเล็งระบายข้าวอีก 1.4 ล้านตัน

แหล่งข่าว กล่าวว่า ขณะนี้เป็นที่ทราบกันในวงการค้าข้าวแล้วหรือผู้ค้าข้าวได้รับสัญญาณพิเศษ ว่า นอกจากรัฐบาลจะระบายล็อตนี้รวม 1.6 ล้านตันแล้ว จากนี้ไปจนถึงสิ้นปียังมีแผนระบายข้าวอีก 1.4 ล้านตัน เพื่อสต็อกคงเหลือประมาณ 2 ล้านตันเศษ ให้เหมาะกับการบริหาร ก่อนที่ข้าวนาปีจะเข้าสู่ตลาด ช่วงเดือนธ.ค.ปีนี้ถึงมี.ค.ปีหน้า

“ความจริงรัฐขายข้าวก็เหมาะสมในการตัดสต็อกไปบ้าง เพียงแต่อยากให้โปร่งใสประกาศให้ทราบเป็นการทั่วไป และต้องประเมินราคาข้าวจะเพิ่มสูงแน่ในช่วงปลายปี เพราะพื้นที่ผลผลิตเกษตรทั่วโลกเสียหาย ไม่เว้นแต่เวียดนามที่เป็นคู่แข่ง ไม่มีเหตุลหากจะขายในราคาต่ำมาก”

ที่มา กรุงเทพธุรกิจ