www.thairiceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

"พาณิชย์" ชงกขช.ไฟเขียวนำเข้าข้าวเปลือก AFTA หางานป้อนโรงสี


นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เร็วๆ นี้ จะเสนอให้นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เห็นชอบกับแนวคิดการนำเข้าข้าวเปลือกจากประเทศเพื่อนบ้าน ภายใต้กรอบเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) จากปัจจุบัน ที่อนุญาตให้ผู้ประกอบการนำเข้าได้เฉพาะปลายข้าว และข้าวที่ใช้ในอุตสาหกรรม เช่น แป้ง เส้นก๋วยเตี๋ยว เท่านั้น เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาดของไทยให้มากขึ้น ซึ่งหากรมว.พาณิชย์ เห็นชอบแล้ว จะนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธานต่อไป
       
แนวคิดดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากการหารือกับคณะกรรมการบริหารสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และหอการค้าไทย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งภาคเอกชนเห็นว่า มาตรการกำกับดูแลการนำเข้าข้าวภายใต้ AFTA ของไทยในปัจจุบัน มีความเข้มงวดมาก และกีดกันการนำเข้ามากเกินไป จึงเสนอให้กระทรวงพาณิชย์เพิ่มชนิดของข้าวที่จะอนุญาตให้นำเข้าได้มากขึ้น เพื่อขยายโอกาสทางการตลาดของไทย ขณะเดียวกัน ทำให้โรงสีในประเทศมีข้าวเปลือกสีแปรสภาพเป็นข้าวสารได้มากขึ้น จากปัจจุบัน โรงสีแทบไม่มีข้าวเปลือกสีแปรสภาพเลย เพราะรัฐบาลไม่ได้ทำโครงการรับจำนำ ที่ต้องฝากเก็บข้าวเปลือกไว้กับโรงสี และสั่งให้มีแปรสภาพ แต่กลับใช้โครงการประกันรายได้เกษตรกรแทน
       
“จากการหารือกับภาคเอกชน กระทรวงฯ เลยคิดว่า น่าจะเปิดให้นำเข้าข้าวเปลือกได้ด้วย แต่ต้องระบุแหล่งที่มาให้ชัดเจน รวมทั้งกำหนดเงื่อนไขให้ชัดเจนว่า นำเข้ามาแล้วแปรสภาพเป็นข้าวสาร เพื่อส่งออกเท่านั้น ห้ามนำเข้ามาขายต่อในประเทศ โดยกำหนดระยะเวลาการนำเข้า และให้ส่งออกก่อนที่ผลผลิตข้าวในประเทศจะออกสู่ตลาด เพื่อป้องกันการปลอมปนกับข้าวคุณภาพดีของไทย และฉุดให้ราคาตกต่ำลงได้” นายยรรยงกล่าว
       
นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว เพราะการนำเข้าข้าวเปลือกจากเพื่อนบ้าน ทั้งกัมพูชา ลาว พม่า จะทำให้ไทยมีข้าวอยู่ในมือมากขึ้น และสามารถกำหนดราคาข้าวในตลาดได้ หากไทยไม่ทำอะไรเลย เวียดนามจะมาแย่งซื้อไปหมดแล้วนำไปส่งออก ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว เวียดนามจะขายข้าวตัดราคาข้าวไทย ถือเป็นการทำลายราคาข้าวไทย ทำลายตลาด และเกษตรกรไทยจะเสียหายในที่สุด จากการขายข้าวราคาต่ำ อย่างไรก็ตาม ในการนำเข้าจะต้องมีมาตรการควบคุมดูแลให้ดี เพื่อป้องกันการปลอมปนกับข้าวไทยจนทำให้ข้าวไทยเสียหาย
       
“สมควรที่ไทยจะนำเข้าข้าวเปลือกจากเพื่อนบ้านมาแปรสภาพแล้วส่งออกต่อ ถือเป็นการสกัดเวียดนาม ไม่ให้ซื้อไปขายในราคาต่ำ ทำลายตลาดข้าวไทย อย่างข้าวหอมมะลิ ไทยขายตันละ 15,300 บาท แต่เวียดนามเอาของกัมพูชาไปขายเหลือแค่ตันละ 11,000-12,000 บาทเท่านั้น ขายตัดราคาข้าวไทยมาก เราจะไม่เสียหายได้ยังไง” นายประสิทธิ์กล่าว
       
รายงานข่าว แจ้งว่า มาตรการกำกับดูแลการนำเข้าข้าวภายใต้ AFTA ที่ไทยใช้อยู่ในปัจจุบัน ได้กำหนดให้ผู้ประกอบการนำเข้าได้เฉพาะปลายข้าว และข้าวที่ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่างๆ เท่านั้น โดยกำหนดเวลานำเข้า 2 ช่วง คือ เดือน พ.ค.-ก.ค. และเดือน ส.ค.-ต.ค.ซึ่งผลผลิตข้าวของไทยออกมาสู่ท้องตลาดน้อยที่สุด ซึ่งจะไม่กระทบต่อราคาข้าวในประเทศ และเกษตรกรนอกจากนี้ ยังกำหนดให้อุตสาหกรรมที่ต้องการนำเข้าข้าวต้องขึ้นทะเบียนกับกรมการค้าต่างประเทศ ขออนุญาตก่อนนำเข้า และในการนำเข้าต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ ที่กำหนด เช่น มีใบรับรองปลอดศัตรูพืช ตรวจสอบสารตกค้าง ผ่านมาตรฐานการตรวจสอบว่าปลอดการตัดแต่งทางพันธุกรรม (GMOs) และมีใบรับรองว่าเป็นสินค้าของอาเซียน ขณะเดียวกัน ได้กำหนดด่านนำเข้าเพียง 6 ด่านคือ ด่านแม่สอด จ.ตาก ด่านแม่สาย จ.เชียงราย ด่านอรัญประเทศ จ.สระแก้ว ด่าน จ.หนองคาย ด่าน จ.ระนอง และท่าเรือกรุงเทพฯ

ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์

 


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@thairiceexporters.or.th


Copyright © 2009 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.