กรณีการขายข้าวแบบเงียบๆ ลับๆ ของรัฐบาลโดยคณะทำงานระบายข้าวสารที่มีนายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นประธาน ให้กับบริษัท เอ็มที เซ็นเตอร์เทรด จำกัด บริษัทส่งออกข้าวที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2551 ตามกระแสข่าวระบุร่วม 2 ล้านตัน ในจำนวนนี้เป็นข้าวที่เก็บในคลังสินค้าขององค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) 1.1 ล้านตัน ทำให้สังคมตั้งข้อสังเกตว่าขายให้ได้อย่างไร เพราะอดีตที่ผ่านมารัฐบาลได้ขายข้าวให้เอกชนรายเดียวคือบริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด ซึ่งเป็นที่รู้จักในสังคมปริมาณ 1.7 ล้านตัน ยังเป็นปัญหาที่แก้กันไม่จบ
 
อย่างไรก็ดีการขายข้าวให้บริษัท เอ็มที เซ็นเตอร์เทรด จำกัด ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 21 กันยายน 2553 นายจุ้งเชียง เฉิน กรรมการผู้จัดการบริษัทเอ็มทีฯได้ให้สัมภาษณ์กับ "ฐานเศรษฐกิจ" ทางโทรศัพท์ เป็นฉบับแรกนับแต่มีข่าวขึ้นมาว่า เพราะบริษัท เอ็มทีเซ็นเตอร์เทรด จำกัด ได้รับมอบหมายจากรัฐวิสาหกิจ มณฑลกวางตุ้งของจีนให้มาทำหน้าที่เจรจาซื้อข้าวจากรัฐบาลไทย โดยรัฐบาลมีแผนนำไปจำหน่ายมณฑลกวางตุ้งและมณฑลอื่นของจีน
 
ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2553 นายจุ้นเชียง เฉิน ได้เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" อีกเป็นครั้งที่สอง ในโอกาสที่เขาเดินทางมารับเลขที่สัญญาซื้อขาย พร้อมกับเลขที่บัญชีธนาคารของอ.ต.ก.เพื่อวางเงินค้ำประกัน 5% ของมูลค่าข้าวทั้งหมด เพื่อเตรียมความพร้อมเซ็นสัญญาซื้อขายกับอ.ต.ก. ซึ่งทางจีนจะส่งผู้แทนมาเซ็นสัญญาภายในสัปดาห์นี้ ส่วนหนังสือแต่งตั้งจากรัฐบาลมณฑลกวางตุ้งของจีนนั้นนายเฉินรับปากจะนำมาแสดงภายในสัปดาห์นี้เช่นเดียวกัน
 
"เดิมทีตั้งใจจะวางเงินค้ำประกันครั้งละ 5% ของมูลค่าข้าวที่จะรับมอบและขนออก แต่ทางจีนแจ้งมาว่าให้วางเงินค้ำประกัน 5%ของมูลค่าข้าวทั้งหมดที่ซื้อ เหมือนกับผู้ซื้อรายอื่นๆ เพราะกลัวว่ารัฐบาลไทยจะมองว่ารัฐบาลจีนไม่มีเงิน จึงเปลี่ยนการวางเงินค้ำประกันใหม่"
 
นายจุ้งเชียง เฉิน กล่าวด้วยว่าเนื่องจากเงื่อนไขการรับมอบข้าว กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ระบุเป็นเงื่อนไขเดียวกันหมดคือซื้อปริมาณเท่าไรก็ให้รับมอบระยะเวลาเดียวกันคือ 150 วัน เช่นซื้อ 500,000 ตันระยะเวลารับมอบก็ภายใน 150 วัน ซื้อ 1 ล้านตันระยะเวลารับมอบ 150 วัน ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรมกับผู้ซื้อจำนวนมาก ดังนั้นตนจึงได้ทำหนังสือถึงนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อขอขยายเวลาการขนส่งจาก 180 วัน เป็นระยะเวลา 1 ปีครึ่ง และมีแผนจะขนข้าวออกเดือนละ 80,000 ตัน
  
"สาเหตุที่ขอขยายเวลารับมอบและขนข้าวออกนั้น เพราะเห็นว่าไม่ยุติธรรม เนื่องจากข้าวจำนวนไม่กี่แสน ก็ใช้ระยะเวลา 150 วัน ขณะที่ข้าวเป็นล้าน ก็ใช้ระยะเวลาเท่ากัน ดังนั้นจึงได้ทำเรื่องเสนอไป ส่วนรัฐบาลไทยจะเห็นด้วยหรือไม่นั้นก็ต้องรอดูท่าทีต่อไป"
 
นายจุ้งเชียง เฉิน กล่าวปฏิเสธกรณีที่มีข่าวโจมตีไม่เว้นแต่ละวันว่าตนเองได้นำข้าวไปเร่ขายในประเทศว่าไม่เป็นความจริง เพราะข้าวยังอยู่ในคลังเก็บของอ.ต.ก. และที่สำคัญจะเอามาขายในประเทศไม่ได้ เพราะในสัญญา กรมการค้าต่างประเทศได้ระบุชัดเจนแล้วว่าจะต้องนำข้าวออกจากราชอาณาจักรไทยภายใน 150 วัน หลังจากที่ได้มีการเซ็นสัญญาและวางเงินค้ำประกัน 5% ของจำนวนข้าวทั้งหมด และวันรุ่งขึ้นสัญญาก็จะเริ่มเดินทันที ดังนั้นจะเอามาเร่ขายในประเทศไม่ได้
 
“ที่ผ่านมาไม่อยากพูดโต้ตอบอะไร เพราะรัฐบาลไทย ได้สั่งให้ปิดเป็นความลับไม่ให้เปิดเผยเพราะกลัวจะกระทบราคาข้าวในตลาด จึงเป็นจุดอ่อนที่ผู้ส่งออกใช้โจมตีเรื่อยมา ว่า ตนเองไปเร่ขายให้กับผู้ส่งออกในประเทศ ซึ่งทางรัฐบาลจีนเห็นข่าวในประเทศแล้วไม่พอใจ เพราะที่ผ่านมาทางกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ก็ทราบมาตั้งแต่แรกแล้วว่าตนเองได้รับการแต่งตั้งจากรัฐวิสาหกิจจีนให้เข้ามาเจรจาการซื้อขายในครั้งนี้ ดังนั้นเพื่อสยบข่าวต่างๆ ทางรัฐบาลจีนจะส่งตัวแทนมาเซ็นสัญญาในปลายสัปดาห์นี้"
 
ทั้งนี้ชนิดข้าวที่ได้ซื้อไปนั้นมีข้าวขาว 5% และข้าวหอมปทุม ที่อยู่ในคลัง อ.ต.ก. ปริมาณ 1.1 ล้านตัน ราคาซื้อข้าวขาว 5% ตันละ 12,000 บาท เป็นราคาข้าวในตลาดวันนั้นที่มีการซื้อขาย ขณะที่ข้าวเก็บไว้ประมาณ 1 ปีกว่า เป็นราคาที่ไม่ได้ถูกเลย
 
"ผมได้ปฏิบัติตามทุกขั้นตอนเหมือนผู้ส่งออกคนอื่นๆ ที่ได้ไปแจ้งความจำนง แต่ก็ไม่ทราบเพราะอะไรจึงถูกโจมตีเรื่อยๆ มา แม้แต่ในสมาคมผู้ส่งออกเองจนผมเหนื่อยใจและไม่อยากพูดมาก ทางรัฐบาลจีนก็เริ่มไม่พอใจผมแล้วเพราะข่าวออกมาทุกวัน ดังนั้นเพื่อให้ปัญหาจบทางรัฐบาลจีนจะส่งตัวแทนเข้ามาเซ็นสัญญา โดยส่วนตัวแล้วทำหน้าที่เป็นคนกลาง เข้าไปเจรจาซื้อขายให้รัฐบาลจีน และทำหน้าที่ปรับปรุงสภาพข้าวในโกดัง ที่มีอายุกว่า 1 ปี หลังจากนั้นก็ทำหน้าที่ขนส่งออกจากประเทศไทย ก็ถือว่าหน้าที่จบเพียงเท่านี้ ส่วนหน้าที่การขายก็เป็นของรัฐวิสาหกิจจีนที่จะไปทำต่อ จะไปขายอย่างไรนั้นคือเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับผมแล้ว" นายเฉิน กล่าวในตอนท้าย
 
ด้านนายมนูญ์รัตน์ เลิศโกมลสุข ผู้อำนวยการ อ.ต.ก. กล่าวว่า กรณีที่นายเฉิน จะทำเรื่องขอยืดระยะเวลาในการรับมอบข้าวและขนข้าวออก ผู้ที่จะอนุญาตคือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ แต่ค่าเช่าโกดัง และค่าใช้จ่ายอื่นๆ นั้น นายเฉินจะต้องเป็นผู้ออกทั้งหมด ซึ่งเข้าใจว่าการที่จะนำข้าวกว่าล้านตันออกไปภายในระยะเวลากำหนดนั้นเป็นเรื่องที่ทำยาก เพราะโลจิสติกส์ของประเทศไทยไม่ค่อยดี

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ