นางสาวกอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยถึงราคาข้าวหอมมะลิส่งออกว่า ปัจจุบันอยู่ที่ตันละ 1,100 ดอลลาร์ ถือว่าสูงเกินไป โดยผลผลิตยังมีคุณภาพดี แต่มีต้นทุนการผลิตสูง หากชาวนานำระบบการจัดการคุณภาพด้านการผลิตทางการเกษตรหรือจีเอพีมาใช้ ช่วยให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น และต้นทุนการผลิตลดลง โดยในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2553 ไทยส่งออกข้าวหอม 1.82 ล้านตัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 14.1% ขณะที่ปี 2552 ส่งออกรวม 2.6 ล้านตัน
ร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ อุปนายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า การส่งออกข้าวหอมในปี 2554 อาจมีปริมาณลดลง แต่ราคาจะไม่ลด เพราะการบริโภคในประเทศมีแนวโน้มสูงขึ้น เป็นผลจากการที่คนไทยมีรายได้เพิ่มขึ้น จึงเปลี่ยนมาบริโภคข้าวหอมแทนข้าวขาว แต่ผลผลิตที่มีจำกัด และการบริโภคในประเทศที่สูงขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการส่งออกลดลงต่อเนื่อง ซึ่งในปีที่แล้ว ราคาข้าวหอมส่งออกอยู่ที่ตันละ 960 ดอลลาร์ แต่ปัจจุบันเพิ่มเป็น 1,100 ดอลลาร์ เพราะเงินบาทแข็งค่า ขณะที่เงินเวียดนามอ่อนค่า ส่งผลให้ข้าวเวียดนามถูกกว่า 20%
"ราคาข้าวหอมไทยสูงสุดในโลก จึงขายได้น้อยลง ขณะที่ข้าวหอมกัมพูชา ตันละ 800 ดอลลาร์ เวียดนาม ตันละ 650 ดอลลาร์ และคุณภาพข้าวหอมไทยยังลดลง ทั้งความหอมและความเงา ทำให้ผู้นำเข้าซื้อข้าวที่ราคาถูกกว่า" ร.ต.ท.เจริญ กล่าว
นายสมชัย จงสวัสดิ์ชัย อุปนายกสมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม กล่าวว่า ได้เสนอให้กรมการค้าภายใน ปรับราคาจำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวด 1 ลิตร จากเพดานควบคุมสูงสุดขวดละ 38 บาท เป็น 48 บาท เพราะปัจจุบันได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนผลปาล์มดิบในประเทศ เพราะใกล้ปลายฤดูกาลผลผลิต อีกทั้งราคาผลปาล์มดิบยังเพิ่มเป็นกก.ละ 7 บาท ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงกว่าราคาที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดไว้
"ราคาน้ำมันปาล์มบรรจุขวด 38 บาท มาจากฐานต้นทุนการผลิตน้ำมันปาล์มดิบที่กก.ละ 28-30 บาท แต่ปัจจุบันอยู่ที่ 40 บาท ทำให้ผู้ประกอบการอยู่ไม่ได้ โดยสมาคมเสนอให้เปิดนำเข้าน้ำมันปาล์มดิบ เพื่อแก้ปัญหาผลผลิตขาดแคลน และแก้ปัญหาต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการ" นายสมชัย กล่าว
แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สมาคมได้เสนอปรับราคาจำหน่าย ตั้งแต่เดือน ต.ค.2553 แต่ไม่ได้รับอนุมัติ เพราะกระทรวงพาณิชย์มีนโยบายตรึงราคาจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยจะพิจารณาปรับราคาในปี 2554
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
|