น.ส.กอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ซื้อข้าวในต่างประเทศเริ่มชะลอคำสั่งซื้อข้าวจากไทย เนื่องจากเห็นว่าราคาข้าวไทยปรับตัวสูงมากในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาส่งออกข้าว (เอฟโอบี) ปรับตัวลดลง ส่วนปัจจัยการเมืองนั้น มีผลต่อราคาข้าวเพียงเล็กน้อย หากผลการเลือกตั้งทำให้กลับมาใช้นโยบายรับจำนำข้าว คาดกว่าคงต้องเริ่มในฤดูผลิตนาปีเดือนพฤศจิกายน ซึ่งนานเกินไปที่จะมีการกักตุนข้าวเพื่อรอราคาเพิ่ม โดยราคาข้าวที่ผันผวนขณะนี้น่าจะมาจากดีมานด์และซัพพลายเป็นหลัก

“ราคาส่งออกข้าวลดลง แม้ราคาข้าวเปลือกในประเทศไม่ได้ลดลงก็ตาม เป็นเพราะต่างประเทศชะลอซื้อข้าวหลังราคาข้าวไทยพุ่งสูง ตลาดช็อกกับราคาที่พุ่งสูงมาก ช่วงเดือนมิถุนายนมีการแย่งซื้อข้าวเปลือก เพราะปริมาณผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาดหมดแล้ว” น.ส.กอบสุข กล่าว

อย่างไรก็ตาม เป้าหมายการส่งออกข้าวในปีนี้คาดว่าจะยังอยู่ที่ 10 ล้านตัน แต่ต้องพิจารณาปัจจัยผลกระทบจากภัยธรรมชาติ ปัญหาอุทกภัยในขณะนี้ จะส่งผลกระทบถึงพื้นที่ปลูกข้าวในภาคกลางหรือไม่ ส่วนความต้องการตลาดยังมีต่อเนื่องแต่ไม่สูงมากและเชื่อว่าเร็วๆ นี้ ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และบังกลาเทศ อาจมีความต้องการข้าว แต่ยังไม่มั่นใจว่าทิศทางตลาดจะดีต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลยุทธ์คู่แข่งทั้งอินเดียที่มักปล่อยข่าวว่าพร้อมจะส่งออกข้าวแล้วและปริมาณผลผลิตข้าวของเวียดนามด้วย

แหล่งข่าวจากผู้ส่งออกข้าว ระบุว่า หากไทยกลับมาใช้นโยบายรับจำนำ เช่น กำหนดราคาข้าวเปลือกตันละ 1.5 หมื่นบาท จะทำให้ราคาข้าวสาร อยู่ที่ตันละ 2.5-2.6 หมื่นบาท เมื่อเทียบเป็นเอฟโอบี จะอยู่ที่ตันละ 820-840 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งราคานี้สามารถขายได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขเวียดนามขายข้าวให้หมดก่อน

ที่มา คมชัดลึก