แหล่งข่าววงการค้าข้าว เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าขณะนี้พ่อค้าข้าวกลุ่มหนึ่งที่ไปแนะนำให้องค์การคลังสินค้า (อคส.)ไปเจรจาขายข้าวให้กับองค์กรสำรองอาหารแห่งประเทศอินโดนีเซีย (บลูล็อก)ซึ่งเป็นหน่วยงานจัดซื้อข้าวของรัฐบาล ไม่ค่อยพอใจกับผลการเจรจาขายของอคส.ครั้งนี้เท่าใดนัก เพราะราคาที่อคส.เสนอขายค่อนข้างต่ำ กล่าวคือข้าวขาว 15% ตันละประมาณ 560 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ราคาสินค้ารวมค่าประกันและขนส่งส่งมอบถึงปลายทาง) เพราะราคาที่เหมาะสมควรอยู่ที่ประมาณตันละ 590-600 ดอลลาร์สหรัฐฯ เนื่องจากอินโดนีเซียซื้อข้าวใหม่ไม่ใช่ข้าวเก่า
 
สำหรับความเป็นมาที่ผู้ส่งออกข้าวกลุ่มหนึ่งได้ไปแนะนำอคส.เจรจาขายข้าวให้กับอินโดนีเซีย เพราะปีนี้ช่วงเวลาสั้นๆ อินโดนีเซียได้นำเข้าข้าวจากประเทศเวียดนามเป็นจำนวนมากถึง 800,000 ตัน เพราะฉะนั้นหน่วยงานของรัฐบาลไทยควรไปเจรจาขายเพราะอินโดนีเซียจะซื้อจากหน่วยงานของรัฐหรือจีทูจี ซึ่งหากเจรจาขายได้เรียบร้อยแล้วนั้น หากรัฐบาลไม่มีข้าวใหม่เอกชนพร้อมที่จะส่งมอบแทนให้ แต่ปรากฏว่าราคาที่อคส.ไปตกลงกับบลูล็อกต่ำเกินไป จึงทำให้ผู้ส่งออกมีความกังวล เพราะ1.ราคาดังกล่าวหากส่งมอบขาดทุนอย่างแน่นอน 2.จะชี้นำราคาข้าวในตลาดโลกให้ต่ำลงอีก
 
"ราคาที่อคส.ตัดสินใจขายต่ำมาก ต่ำกว่าราคาที่เวียดนามขายอีก โดยราคาที่เวียดนามขายให้กับอินโดนีเซียข้าว 15% เหมือนกันแต่คุณภาพของเวียดนามจะต่ำกว่าเวียดนามเสนอขายที่ตันละ 550-570 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ส่งมอบถึงปลายทางรวมค่าสินค้าค่าขนส่งและค่าประกันภัย) เวลานี้ผู้ส่งออกมีความหนักใจหวั่นว่ารัฐจะบีบให้ส่งมอบ เพื่อแลกเปลี่ยนกับการระบายข้าวในโครงการรับจำนำของรัฐบาล เพราะโครงการของรัฐบาลภาคเอกชนมีความจำเป็นต้องให้ความร่วมมือ"
 
ด้านนายอนุกูล แต้มประเสริฐ ผู้อำนวยการองค์การคลังสินค้า (อคส.) กล่าวว่าการเจรจาขายข้าวให้กับรัฐบาลอินโดนีเซียจำนวนประมาณ 300,000 ตัน ของอคส.เป็นธุรกิจของอคส.ไม่เกี่ยวกับนโยบายรัฐบาล โดยอคส.ต้องไปจัดหาซื้อข้าวเพื่อส่งมอบเอง การมีกำไรหรือขาดทุนจากการขายข้าวครั้งนี้อคส.เป็นผู้รับผิดชอบ อย่างไรก็ดีราคาที่อคส.ได้เสนอขายนั้น จะนำเสนอนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พิจารณาให้ความเห็นชอบ ส่วนราคาที่เสนอขายยังไม่สามารถเปิดเผยได้รอให้ผ่านการพิจารณาก่อน
 
"ปริมาณข้าวที่อคส.ขายให้กับรัฐบาลอินโดนีเซียครั้งนี้ ปริมาณ 300,000 ตันเท่านั้น เป็นจำนวนไม่มากจึงไม่น่ามีผลทำให้กลไกตลาดบิดเบือน"เขากล่าวตอนท้าย

ที่มา ฐานเศรษฐกิจ