แหล่งข่าววงการค้าข้าว เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าเมื่อเร็วๆ นี้ผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ 3 ราย ได้รับข้อเสนอจากกระทรวงพาณิชย์ (พณ.)ว่า กระทรวงมีความประสงค์จะระบายข้าวสารในสต๊อกปริมาณ 700,000 ตัน จากที่มีอยู่ในสต๊อกทั้งสิ้นประมาณ 1 ล้านตัน โดยให้ผู้ส่งออกทั้ง 3 ราย เสนอราคา ประกอบด้วย บริษัท นครหลวงค้าข้าว จำกัด (บจก.)  บจก.เอเซียโกลเด้นไรซ์ และบจก.ข้าวไชยพร ซึ่งราคาที่ผู้ส่งออกทั้ง 3 รายเสนอนั้นเฉลี่ยตันละ 12,400 บาท ขณะที่ราคาตลาด ณ ปัจจุบันเฉลี่ยตันละ 14,000 บาท
 
แหล่งข่าวกล่าวว่า การระบายข้าวดังกล่าวได้มีการหารือกันระหว่างฝ่ายกระทรวงพาณิชย์กับผู้ส่งออกข้าวถึงวิธีการซื้อขายด้วย ซึ่งไม่ใช่วิธีการซื้อขายธรรมดา แต่ยิ่งกว่าการขายแบบลับๆ อีก เพราะช่วงนี้เป็นช่วงรัฐบาลรักษาการไม่สามารถระบายข้าวได้ แต่กระทรวงพาณิชย์มีวิธีการ โดยการขายแบบลับๆ ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ใช้วิธีแจ้งผู้ส่งออก (บางราย) และให้ผู้ส่งออกเสนอราคา ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ก็มีเงื่อนไขกับผู้ส่งออกเป็นรายๆ ไป ซึ่งวิธีการดังกล่าวถูกตั้งข้อสังเกตจากสังคมมาโดยตลอดถึงความไม่โปร่งใสอยู่แล้ว แต่วิธีที่กระทรวงพาณิชย์อยู่ระหว่างดำเนินการขณะนี้มีความไม่โปร่งใสยิ่งกว่าวิธีลับๆ แบบเดิมเสียอีก
 
อย่างไรก็ดีแหล่งข่าวตั้งข้อสังเกตว่าข้าวที่กระทรวงพาณิชย์จะนำมาระบายครั้งนี้เป็นล็อตที่บริษัท เอ็มอี เซ็นเตอร์เทรด จำกัดเคยเสนอซื้อจากกระทรวงพาณิชย์ จำนวน 1.04 ล้านตัน แต่ภายหลังได้ยกเลิกสัญญา เนื่องจากบริษัทไม่สามารถรับมอบข้าวได้ตามเวลาที่กำหนด ภายหลังได้มาเสนอซื้อและทำสัญญารอบใหม่โดยขอรับมอบเพียง 450,000 ตัน
 
ต่อเรื่องดังกล่าว นายจุ้ง  เชียง เฉิน  กรรมการผู้จัดการ บจก.เอ็มที เซ็นเตอร์เทรด ในเครือเม้งไต๋ กล่าวว่า ข้าวที่นางพรทิวาจะนำมาระบายไม่ใช่ข้าวของบริษัทแน่นอน เพราะข้าวที่บริษัทซื้อจากกระทรวงพาณิชย์ครั้งแรก 1.04 ล้านตัน ได้มีการยกเลิกสัญญาไปแล้วโดยมติคณะรัฐมนตรี และต่อมาเอ็มทีขอซื้อใหม่ 450,000 ตัน ขณะนี้ข้าวจำนวนนี้อยู่ระหว่างรับมอบ ซึ่งยังมีเวลาเหลืออีกประมาณ 3 เดือน
 
นายมนูญ์รัตน์ เลิศโกมลสุข อดีตผู้อำนวยการองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) กล่าวว่า  หลังจากวันที่ 24 กันยายน 2553  ที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีและรองประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.)  ได้เซ็นอนุมัติจำหน่ายข้าวสารในสต๊อกรัฐบาล ตามที่นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีพาณิชย์ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการระบายข้าวเป็นผู้เสนอขายให้กับ บจก. เอ็มที เซ็นเตอร์เทรด จำนวน  450,000 ตัน เป็นข้าวขาว 5%   400,000 ตันเศษ ข้าวหอมปทุมธานี 43,000 ตัน  โดยข้าวขาว 5% เสนอซื้อตันละ 12,200 บาท เรียบร้อยแล้ว 
 
ล่าสุดบริษัทผู้ส่งออกข้าว 5 รายใหญ่ในวงการ อาทิ นครหลวงค้าข้าว เอเซียโกลเด้นไรซ์ ได้มาเหมาซื้อต่อจากเอ็มทีไปทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ซึ่งการขนย้ายข้าวออกจากคลังของ อ.ต.ก.ของเอ็มที จะแล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ ปัจจุบันข้าวที่เหลืออยู่ในคลังของ อ.ต.ก. ปริมาณ 800,000 ตัน(ไม่รวมในส่วนของเอ็มที) ส่วนข้าวที่อยู่ในคลังขององค์การคลังสินค้า (อคส.) เวลานี้มีประมาณ 1 ล้านตัน รวมข้าวที่เหลืออยู่ในคลังรัฐบาลปริมาณทั้งสิ้น 1.8 ล้านตัน
 
ด้านนายนิพนธ์  วงษ์ตระหง่าน ที่ปรึกษาดร.ไตรรงค์  สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องที่นางพรทิวาจะระบายข้าว 700,000 ตันในช่วงนี้ เพราะนายไตรรงค์ในฐานะประธาน กขช.ก็ไม่ได้หารือกับตนแต่อย่างใด แต่ในความเห็นส่วนตัวคิดว่า ช่วงนี้ไม่ควรระบายข้าวออกมา เพราะแนวโน้มในอนาคตราคาข้าวมีแต่จะสูงขึ้น เพราะหลายประเทศ เช่น จีน อินเดีย รัสเซีย ประสบภัยแล้ง โดยเฉพาะรัสเซียพื้นที่ปลูกข้าวสาลีได้รับความเสียหายมากเป็นปีที่สามแล้ว ราคาข้าวสาลีสูงมาก อาจต้องนำเข้าข้าวสารไปบริโภคแทนข้าวสาลี
 
อย่างไรก็ดีต่อกรณีข้าวในล็อตดังกล่าวนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ออกมาปฏิเสธ โดยกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีการอนุมัติขายข้าวในสต๊อกรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นการเสนอซื้อโดยตรงจากต่างประเทศในระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) หรือเสนอซื้อโดยผู้ส่งออกไทย การจะขายมีขั้นตอนต้องผ่านการพิจารณาจากคณะทำงานระบายข้าวที่มีกรมการค้าต่างประเทศดูแล และต้องขอความเห็นชอบจาก กขช.ที่มีนายไตรรงค์ สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ช่วงนี้เป็นโค้งสุดท้ายการเลือกตั้ง คาดว่าจะเป็นการปล่อยข่าวตัดคะแนนของพรรคคู่แข่งมากกว่า ขณะที่แหล่งข่าวจาก 1 ใน 3 บริษัทที่ได้รับการติดต่อให้เสนอราคาซื้อข้าวในล็อตนี้ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวได้เกิดขึ้นจริง

ที่มา คมชัดลึก