นายศุภชัย ใจสมุทร รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 4 เม.ย. ไม่เห็นชอบกับข้อเสนอของกระทรวงพาณิชย์ตามที่ได้นำข้อเรียกร้องของเกษตรกรในหลายจังหวัดที่ชุมนุมเรียกร้องจากกรณีที่มีปัญหาราคาข้าวตกต่ำมานำเสนอ เนื่องจากครม.เห็นว่ากระบวนการรับประกันรายได้เกษตรกร ในปัจจุบันดีอยู่แล้ว สำหรับข้อเสนอของกระทรวงพาณิชย์ ประกอบด้วย 1.ขอให้รัฐบาลอนุมัติจ่ายเงินชดเชยให้เกษตรกรที่จำหน่ายข้าวเปลือกได้ต่ำกว่าราคาเกณฑ์กลางอ้างอิง ตันละ 3,000 บาท 2.ขอให้รัฐบาลรับซื้อข้าวเปลือกเจ้าและข้าวเปลือกปทุมธานี 1 ในราคานำตลาดโดยบวกเพิ่มอีกตันละ 400 บาท จากราคาเกณฑ์อ้างอิงเพื่อเป็นการจูงใจในการดึงราคาให้สูงขึ้น

3.เร่งรัดให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การ เกษตร (ธ.ก.ส.) จ่ายเงินชดเชยรายได้เกษตรกรเร็วกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน 4.ขอให้ยกเลิกหลักประกันสัญญาของโรงสีที่เข้าร่วมโครงการแทรกแซงตลาด เพื่อจูงใจให้โรงสีเข้าร่วมโครงการมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันโรงสีต้องทำสัญญาเข้าร่วมโครงการกับองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ต้องวางหลักประกันอย่างใดอย่างหนึ่ง คือเงินสดหรือหนังสือค้ำประกันของธนาคารพาณิชย์ในอัตรา 100% หรือเงินสดหรือหนังสือค้ำประกันของธนาคารพาณิชย์ ในอัตรา 50% ของมูลค่าข้าวเปลือกที่โรงสีรับฝาก และบุคคลค้ำประกันตามมูลค่าที่เหลืออีก 50% โดยกรณีเป็นโรงสีหรือตลาดกลางที่มีสถานะเป็นนิติบุคคลให้กรรมการของนิติบุคคลทั้งหมดค้ำประกัน ส่วนกรณีไม่เป็นนิติบุคคลให้โรงสีหรือตลาดกลางอีก 2 แห่งที่ร่วมโครงการและอยู่จังหวัดเดียวกันค้ำประกัน

ส่วนกรณีที่ขอให้รัฐบาลดำเนินโครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือก มีข้อเสนอให้เริ่มรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกร ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. 54 เป็นต้นไป ซึ่งในส่วนนี้คณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ได้มีมติให้รับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรในราคาเกณฑ์การอ้างอิงข้าวเปลือกแล้ว มีโรงสีที่พร้อมเปิดจุดรับซื้อ 542 โรง

ที่มา ข่าวสด