นายมนัส สร้อยพลอย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 31 มีนาคม2554 กรมการค้าต่างประเทศได้เปิดให้ผู้ส่งออกข้าวที่สนใจมายื่นซองเสนอราคาขายข้าวนึ่ง หลังจากที่กรมนได้ตกลงขายข้าวนึ่ง 5% แบบรัฐต่อรัฐ(จีทูจี) จำนวน 2 แสนตัน ให้กับรัฐบาลบังคลาเทศ ปรากฏว่ามีผู้ส่งออก 4 ราย เสนอตัวเข้ามา คือ บริษัท กมลกิจ จำกัด ,บริษัท เอเชีย โกลเด้น ไรซ์ ,บริษัท นครหลวงค้าข้าว และบริษัท ข้าวไชยพร

โดยเบื้องต้นคณะกรรมการได้พิจารณาแล้ว มีผู้ที่ผ่านการคัดเลือก 2 ราย แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยชื่อได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการพิจารณาขั้นตอนสุดท้ายก่อนเสนอให้ทาง รมว.พาณิชย์ อนุมัติ ทั้งนี้กรมฯได้กำหนดว่า หลังจากเซ็นสัญญาแล้ว ผู้ส่งออกที่ชนะการประมูล จะต้องทำการส่งออกไปบังคลาเทศภายใน 30 วัน

สำหรับเงื่อนไขที่กรมฯได้ออกประกาศกำหนดคุณสมบัติผู้ส่งออกที่สามารถยื่นเสนอราคาได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีประวัติการส่งออกข้าวนึ่งย้อนหลัง 3 ปี ตั้งแต่ปี 2551-2553 เฉลี่ยปีละ 200,000 ตันต่อปี และการส่งออกข้าวนึ่งไปบังคลาเทศย้อนหลัง 3 ปี ตั้งแต่ 2551-2553 และให้ยื่นเสนอราคาไม่ต่ำกว่า 50,000 ตัน นอกจากนี้เรือลำแรกที่ส่งข้าวจะต้องออกจากไทยไปท่าเรือจิตตะกองบัง ของบังคลาเทศไม่เกินวันที่ 16 เมษายนนี้

นายมนัส กล่าวว่า หลังจากที่ไทยสามารถส่งมอบข้าวนึ่ง 2 แสนตัน ให้กับรัฐบาลบังคลาเทศเรียบร้อยแล้ว เชื่อว่าจะมีคำสั่งซื้อ(ออร์เดอร์)ข้าวแบบจีทูจีเข้ามาอีก โดยมองว่าหลายประเทศยังมีความต้องการซื้อ ทั้งฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และประเทศในแถบตะวันออกลาง ซึ่งกรมฯจะพยายามเจาะตลาดแทนเอกชน เนื่องจากการขายข้าวแบบจีทูจีจะมีข้อดีตรงที่ผู้ซื้อจะมีความมั่นใจทั้งเรื่องของราคาและการส่งมอบ แต่อาจจะมีข้อเสียตรงที่มีขั้นตอนทางราชการที่ล่าช้ากว่าภาคเอกชน

อย่างไรก็ตามทิศทางราคาข้าวจะมีความชัดเจนมากขึ้นหลังเดือนพฤษภาคม เนื่องจากผลผลิตข้าวเวียดนามจะหมด อีกทั้งเป้าส่งออกข้าวในปี 2554 กระทรวงพาณิชย์ตั้งไว้ที่ 9.5 ล้านตัน โดยจะเพิ่มสัดส่วนการส่งออกข้าวนึ่งมากขึ้นจาก 3 ล้านตัน เป็น 4.5 ล้านตัน และราคาข้าวเฉลี่ยจะสูงขึ้นจากตันละ 578 เหรียญสหรัฐ เป็น 600 เหรียญสหรัฐ

ที่มา แนวหน้า