นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยถึง สถานการณ์ราคาข้าว หลังพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งว่า ขณะนี้ โรงสีได้ประกาศหยุดซื้อขายข้าวชั่วคราวแล้ว เพื่อรอดูความชัดเจนนโยบายจำนำ ว่า จะมีรายละเอียด และเริ่มดำเนินโครงการเมื่อใด
ท่าทีดังกล่าว ส่งผลให้ผู้ส่งออกต้องหยุดรับคำสั่งซื้อจากต่างประเทศตามไปด้วย เพราะยังกำหนดราคาขายไม่ได้ และเกรงว่าหากจำนำเริ่มเร็วจะเสี่ยงขาดทุนมหาศาล เพราะมีส่วนต่างกับราคาส่งออกข้าวปัจจุบันถึงตันละ 300 ดอลลาร์ ซึ่งถ้ารัฐเริ่มรับจำนำทันที โรงสีคงหยุดขายข้าวให้ผู้ส่งออกต่อไป เพื่อรอจำนำกับรัฐบาลแทน เพราะจะได้กำไรสูงกว่า
ปัจจุบัน ราคาข้าวเปลือกในตลาดตกตันละ 9,000-9,500 บาท แต่รัฐรับจำนำสูงถึงตันละ 15,000 บาท ขณะเดียวกัน จะทำให้ราคาข้าวกระชากขึ้นเร็ว จนทำให้ตลาดต่างประเทศรับไม่ทัน ดังนั้น จึงอยากให้รัฐบาลทยอยเปิดรับจำนำช่วงนาปีแทน เพื่อให้ราคาข้าวทยอยขึ้น และผู้ส่งออกกับผู้นำเข้าทยอยปรับตัว
ขณะที่นายชาญชัย รักษ์ธนานนท์ นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย กล่าวว่า จากนี้ไปการซื้อ-ขายข้าวจะคำนึงถึงราคาให้อยู่ในความเหมาะสมมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันที่จะขายทันที เนื่องจากตลาดรับรู้ ผลการเลือกตั้งที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ และประกาศจะนำนโยบายรับจำนำข้าวกำหนดราคาข้าวเปลือกเจ้าตันละ 15,000 บาทมาใช้ ทำให้ทิศทางราคาข้าวจากนี้จะปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะผู้ซื้อในต่างประเทศจะรับรู้ถึงการใช้นโยบายดังกล่าวและต้องเร่งซื้อข้าวก่อนที่นโยบายนี้จะนำมาใช้จริง ซึ่งคาดว่าจะเป็นช่วงฤดูกาลผลิตนาปี เดือน พ.ย.นี้
ทั้งนี้ ราคาข้าวเปลือกเจ้าล่าสุดเฉลี่ยตันละ 14,200 บาท เพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้ที่ตันละ 14,000 บาท และคาดว่าราคาจะปรับเพิ่มขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง โดยพิจารณาจากข้าวเปลือก ที่ขณะนี้ โรงสีต้องรับซื้อในราคาต้นทุนจากชาวนาไม่ต่ำกว่าตันละ 10,000 บาทแล้ว เพราะข้าวในตลาดมีน้อยลงทำให้โรงสีต้องแย่งซื้อเพื่อถือข้าวไว้ในมือสำหรับป้อนกำลังการสีข้าวที่มีอยู่สูงมาก
"ตอนนี้ราคายังไม่ได้ตอบรับอะไรชัดเจน แต่จากนี้ไป จะไม่กล้าขายแบบขายทิ้งขายขว้างแล้ว เพราะเมื่อประกาศรับจำนำตันละ 15,000 บาท ก็เชื่อว่าราคาจากนี้จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ไม่เพียงราคาในประเทศ ผู้ซื้อต่างประเทศรู้ดีว่าราคาข้าวจากนี้จะไม่ใช่ตันละ 400-500 ดอลลาร์ หมดยุคข้าวถูกแล้ว แต่จะไปอยู่ที่ตันละ 700-800 ดอลลาร์ แม้ว่าการใช้โครงการรับจำนำจริงๆ จะไม่ได้เกิดขึ้นทันทีแต่น่าจะมีได้ในช่วง พ.ย. ซึ่งโรงสีคงไม่เก็บกักข้าวไว้ได้นานขนาดนั้น ทำให้ตอนนี้ถ้าเสนอราคาเหมาะสมก็พร้อมขาย" นายชาญชัยกล่าว
นายประสิทธิ์ บุญเฉย นายกสมาคมชาวนาไทย กล่าวว่า ยังไม่เชื่อว่าโครงการการรับจำนำข้าวเปลือกทุกเม็ดจะทำได้จริง เพราะหากรับจำนำทุกเม็ดต้องใช้พื้นที่จัดเก็บมาก ซึ่งศักยภาพโรงสีคงไม่มีเพียงพอที่จะเก็บข้าวได้ถึง 10-20 ล้านตัน แม้จะมีการเพิ่มราคาจำนำขึ้นไปถึงตันละ 15,000 บาท ชาวนาก็ไม่ได้ประโยชน์ทุกราย และกระจุกตัวอยู่ในพื้นที่บางกลุ่มเท่านั้น
อีกทั้งนโยบายดังกล่าวไม่ได้ช่วยสร้างความยั่งยืนในชีวิตความเป็นอยู่ของชาวนาไทย โดยเฉพาะโครงการบัตรเครดิตให้ชาวนา เพราะเป็นการเพิ่มนิสัยการใช้จ่ายเกินความจำเป็น ดังนั้น จึงต้องให้รัฐบาลวางแผนในการดูแลชาวนาในระยะยาวมากกว่าการแก้ไขเฉพาะหน้าอย่างเดียว
วันเดียวกันนี้ สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า จากการสำรวจความคิดเห็นโรงสี 6 แห่ง ผู้ส่งออก และเทรดเดอร์อีกจำนวนหนึ่ง มีความเห็นว่า ราคาข้าวในไทย อาจพุ่งขึ้นถึง 56% ไปอยู่ที่ 810 ดอลลาร์ต่อตัน ภายในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ หากพรรคเพื่อไทยนำนโยบายดังกล่าวเข้ามาใช้
นายมาร์มาโด ซิส หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) แอร์เมส อินเวสต์เมนท์ส ระบุว่า ไม่ใช่แค่ข้าวไทยเท่านั้นที่จะราคาแพงขึ้น แต่ราคาข้าวจากประเทศอื่นๆ ทั่วโลก ก็จะขยับตัวกันตามไปด้วย โดยราคาอาจพุ่งขึ้นมาอีก 100 ดอลลาร์ ภายในเวลา 2 เดือน และอาจขยับไปแตะระดับสูงสุดที่ 700 ดอลลาร์
ที่มา กรุงเทพธุรกิจ
|