นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ราคาข้าวไทยเดือน พ.ค.-มิ.ย. นี้จะกลับเข้าสู่ภาวะขาขึ้น เนื่องจากประเทศคู่แข่ง เช่น เวียดนามมีข้าวน้อยลงจนไม่พอต่อการส่งออก ส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกเจ้า 5% ของเวียดนาม สูงถึงตันละ 485 ดอลลาร์สหรัฐ แพงกว่าข้าวไทยที่ตันละ 480 ดอลลาร์และประเทศผู้ส่งออกข้าวอื่นมีสต๊อกข้าวภายในประเทศลดลง
   
ขณะที่ไทยไม่มีปัญหาสต๊อกข้าวในประเทศลดลง เพราะยังมีข้าวในสต๊อกรัฐบาลอีกจำนวนหนึ่ง ประกอบกับผลผลิตข้าวในประเทศยังมีออกอย่างต่อเนื่อง และมีเพียงพอต่อการส่งออก ส่งผลให้ยอดส่งออกเดือนม.ค.-3 พ.ค. 54 มีปริมาณ  4.04  ล้านตัน เพิ่มขึ้น 47% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน ขณะที่มีมูลค่ากว่า 69,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% หรือมูลค่าเพิ่ม 524 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปีก่อน จึงเชื่อว่าปีนี้ ไทยจะส่งออกข้าวได้ไม่ต่ำกว่า 9.5 ล้านตัน และยังเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ของโลก
   
นายยรรยงกล่าวว่า ปัญหาที่เกษตรกรต้องการให้ช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน คือ ปัญหาความชื้นสูง เพราะขณะนี้ฝนตกชุก และปัญหาเพลี้ยกระโดด ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำลังหาแนวทางช่วยเหลือ รวมถึงรัฐบาลจะเข้าไปช่วยเหลือตามโครงการปุ๋ยสั่งตัด ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ จะเร่งหารือกับสมาคมผู้ค้าปุ๋ยอีกครั้งว่า จะจัดทำโครงการปุ๋ยธงฟ้า เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรในปริมาณ 100,000 ตัน ราคาตันละ 11,000 บาทต่อไปอีกหรือไม่   
   
นอกจากนี้ นางพรทิวา  นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ยังได้ให้กรมการค้าภายในเร่งตรวจสอบกรณีมีผู้ประกอบการจำหน่ายหมูเป็นหน้าฟาร์มสูงถึงกิโลกรัม (กก.) ละ 70–75 บาท จากราคาควบคุมที่กก. 69-70 บาท ส่งผลให้ราคาหมูหน้าเขียงสูงถึงกก. 150–160 บาท จากราคาควบคุมไม่เกิน 140 บาท ซึ่งหากพบการจำหน่ายเกินราคาให้แจ้งสายด่วน 1569 กรมการค้าภายใน จะดำเนินการตามกฎหมายทันที ส่วนราคาไข่ไก่เริ่มทรงตัว โดยไข่คละ ลดลงเหลือฟองละ 3 บาท จากก่อนหน้าที่มีราคาสูงถึงฟองละ 4 บาท 
   
นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการระบายข้าวในสต๊อกรัฐบาลว่า ก็ยังมีการเจรจาขายข้าวให้รัฐบาลหลายประเทศ และขณะนี้ยังรับพิจารณาเสนอซื้อข้าวจากผู้ส่งออก  ส่วนหลังยุบสภาก็จะมีการตรวจสอบและขอนโยบายนายไตรรงค์  สุวรรณคีรี รองนายกรัฐมนตรีว่ายังให้ระบายข้าวในสต๊อกรัฐที่เหลือประมาณ 1.5 ล้านตันหรือไม่.

ที่มา เดลินิวส์