www.thairiceexporters.or.th  
home about us members contact us FAQ link site map English Thai

แย่งซื้อข้าวเปลือกหวังผลเก็งกำไร ขาดตลาด-รอจำนำในช่วงรัฐบาลใหม่


โรงสี-ผู้ส่งออกแย่งกันซื้อข้าวเปลือกทั่วประเทศจนหายเกลี้ยงจากตลาด เหตุหวังเก็งกำไร-รอขายเข้าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลใหม่ เพราะจะได้ราคาสูงถึงตันละ 1.5 หมื่นบาท ระบุส่งผลให้ข้าวในประเทศแพงลิ่ว ด้านผู้ส่งออกเอกชนจมูกไวงดรับออร์เดอร์จากลูกค้าต่างประเทศ คาดรอ ส.ค.นี้โครงการรับจำนำข้าวมาแน่ ด้านโรงสีเมืองกรุงเก่าปฏิเสธกว้านซื้อข้าว-กักตุนเพื่อเก็งกำไร เชื่อเป็นการปล่อยข่าว ส่วนชาวนากาฬสินธุ์เรียกร้อง “ยิ่งลักษณ์” ควบคุมราคาปุ๋ยเคมี-ค่าแรง ไม่เช่นนั้นอนาคตมืดมนแน่        
    
เมื่อวันที่ 8 ก.ค. รายงานข่าวจากวงการผู้ค้าข้าว เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ส่งออกข้าวและโรงสีได้แข่งกันกว้านซื้อข้าวเปลือกจากชาวนาทั่วประเทศมาเก็บไว้ เพื่อรอเก็งกำไรรับช่วงการเปิดโครงการรับจำนำข้าวเปลือกตันละ 15,000 บาท ของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย จนส่งผลให้ข้าวเปลือกในหลายพื้นที่หมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ จ.อุตรดิตถ์ กำแพงเพชร และชัยนาท ที่ข้อมูลจากเว็บไซต์โรงสีไทยแจ้งว่าข้าวเปลือกในพื้นที่หมด ส่วนจังหวัดอื่นแม้มีข้าวเปลือกเหลือ แต่ก็พบว่าราคาข้าวปรับสูงขึ้นจากช่วงก่อนการเลือกตั้งถึงตันละ 1,000-1,500 บาท โดยก่อนหน้านี้ข้าวเปลือกเฉลี่ยตันละ 8,500-9,500 บาท เพิ่มเป็นตันละ 9,800-10,500 บาท และราคายังมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
     
นอกจากนี้ยังพบว่าโรงสีหลายแห่งได้ประกาศงดขายข้าวสารออกมา เพื่อเก็งกำไรรอขายเข้าโครงการรับจำนำ เพราะจะได้ราคาสูงถึงตันละ 15,000 บาท ขณะที่ผู้ส่งออกก็ได้เร่งซื้อข้าวเพิ่มในช่วงนี้ เพราะเกรงว่าหากมีการเปิดโครงการรับจำนำจะยิ่งทำให้ต้นทุนข้าวเพิ่มขึ้น และทำให้การแข่งขันการส่งออกกับประเทศเวียดนามทำได้ลำบาก
     
ทางด้านนายสุเมธ เหล่าโมราพร ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ซี.พี.อินเตอร์เทรด จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการส่งออกข้าวไทย ส่วนใหญ่ไม่กล้ารับคำสั่งซื้อข้าว (ออร์เดอร์ข้าว) จากลูกค้าต่างประเทศ โดยจะรับเพียงออร์เดอร์จากลูกค้าประจำในจำนวนไม่มากนัก เนื่องจากคาดการณ์ว่าพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ จะนำนโยบายการรับจำนำข้าวตันละ 15,000 บาท ตามที่ได้ประกาศหาเสียงไว้มาใช้ทันที ซึ่งจะส่งผลให้ราคาข้าวในประเทศพุ่งสูงขึ้นกว่าราคาข้าวในตลาดโลก และจะทำให้ผู้ส่งออกขาดทุนในที่สุด
     
“ผู้ส่งออกส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า รัฐบาลใหม่ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ จะนำนโยบายรับจำนำมาใช้ทันที ในช่วงเก็บเกี่ยวข้าวนาปรังรอบที่ 2 ในเดือน ส.ค.-ก.ย. 54 นี้ เพราะเป็นช่วงรอยต่อการเก็บเกี่ยวผลผลิตพอดี ประกอบกับในทางปฏิบัติการรับจำนำสามารถทำได้ง่าย เนื่องจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการนโยบายจำนำราคา เช่น องค์การคลังสินค้า (อคส.) กรมการค้าภายใน กรมการค้าต่างประเทศ สามารถปรับเปลี่ยนการทำงานได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะคุ้นเคยกับนโยบายการรับจำนำอยู่แล้ว”
     
นายสุเมธ กล่าวว่า นโยบายจำนำข้าวของพรรคเพื่อไทยมีผลต่อราคาข้าวในประเทศตั้งแต่เริ่มนำมาหาเสียงแล้ว เห็นได้จากช่วงก่อนหน้านี้ที่ชาวนาเริ่มชะลอการขายข้าวของตนเองออกไป เพราะเชื่อว่าราคาข้าวจะสูงขึ้น ส่งผลให้ราคาข้าวในประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้ยังส่งผลให้ราคาข้าวในตลาดโลกเพิ่มสูงขึ้นด้วย เช่น ราคาข้าวขาว 5% เพียงสัปดาห์เดียวเพิ่มขึ้นถึงตันละ 20 ดอลลาร์สหรัฐ จากราคาตันละ 490 ดอลลาร์สหรัฐ มาอยู่ที่ตันละ 500-510 ดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์นี้ เพราะตลาดต่างประเทศปรับตัวตามนโยบายข้าวของไทยเช่นกัน เพราะไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับหนึ่งของโลก มีสัดส่วนการส่งออกประมาณ 30% ของปริมาณข้าวในตลาดโลก
    
ขณะที่นายฐิติวัฒน์ กลีบมาลัย อายุ 41 ปี เกษตรกร ต.มารวิชัย อ.เสนา จ.พระนคร ศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ขณะนี้บรรดาโรงสีต่างพากันออกมาซื้อข้าวของเกษตรกรถึงที่ โดยเฉพาะที่ อ.บางบาล ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว แต่ก็ยังนับว่าน้อย เนื่องจากมีอีกจำนวนมากที่ยังไม่สามารถเก็บเกี่ยวได้ เมื่อเก็บผลผลิตแล้วเกษตรกรก็จะขายทันทีไม่มีการเก็บตุน เนื่องจากข้าวมีราคาดี เกวียนละ 9,000-9,200 บาท ซึ่งนับว่าสูงมาก โดยเชื่อว่าสาเหตุที่โรงสีมากว้างซื้อข้าว เพื่อนำไปเก็บตุนไว้ รอดูรัฐบาลใหม่จะทำให้ราคาข้าวดีขึ้น โดยบรรดา โรงสีส่วนใหญ่บอกว่ามีความเชื่อมั่นในรัฐบาลใหม่ 
    
ในส่วนนายอุทัย พันธ์ศิริปทุมพร เจ้าของโรงสีข้าวสุขเจริญพานิชย์ หมู่ 3 ต.พระยาบันลือ อ.ลาดบัวหลวง จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยถึงกรณีที่มีข่าวว่ามีโรงสีกว้านซื้อข้าวและกักตุนข้าวเป็นล้านตันว่า เชื่อว่าเป็นการปล่อยข่าว ซึ่งตอนนี้ในสต๊อกโรงสีตนมีการระบายออกอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีการคำสั่งซื้อมามากขึ้น ทั้งนี้น่าจะเกิดจากความต้องการของวิกฤติโลกเช่นภัยธรรมชาติในหลายประเทศ ไม่น่าจะเกี่ยวกับการซื้อไปเพื่อตุนรอราคาจากรัฐบาลใหม่  
     
ที่ จ.กาฬสินธุ์ นายทองหล่อ ภูผลิน อายุ 45 ปี ชาวนาบ้านหนองขาม ต.ดอนสมบูรณ์ อ.ยางตลาด กล่าวว่า การทำนาในปีนี้ประสบปัญหาหลายด้าน โดยเฉพาะต้นทุนการผลิต เช่น ปุ๋ยเคมี ยากำจัดศัตรูข้าว และค่าแรงงานที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปีที่ผ่านมาปุ๋ยเคมีราคาถุงละประมาณ 600 บาท ค่าแรงงานวันละ 200 บาท ค่าจ้างรถไถนาไร่ละ 200 บาท รถเกี่ยวข้าวไร่ละ 600 บาท ต้นทุนเฉลี่ยไร่ละประมาณ 5,000 บาท ได้ผลผลิตไร่ละประมาณ 500-700 กก. แต่ปีนี้มีแนวโน้มที่ต้นทุนการทำนาจะสูงกว่าเดิมหลายเท่าตัว เพราะทันทีที่เริ่มทำนา ปุ๋ยเคมีราคา 780 บาท ค่าแรงวันละ 350 บาท รถไถนาไร่ละ 400 บาท และคาดว่าจะมีการปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่จะทำให้ชาวนาประสบปัญหาขาดทุนซ้ำซาก จึงวอนให้รัฐบาลใหม่กำหนดมาตรการควบคุมด้วย โดยเฉพาะปุ๋ยเคมี ยาปราบศัตรูข้าว และประกันราคาข้าวเปลือกสูงขึ้น เพราะหากไม่มีมาตรการควบคุมที่ชัดเจน ปล่อยให้นายทุนปรับราคาเอง อนาคตชาวนาคงจะมืดมน ไม่มีโอกาสลืมตาอ้าปากได้ จึงวิงวอนให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ชูปัญหาของชาวนา เป็นวาระเร่งด่วนที่จะต้องเร่งแก้ไขด้วย

ที่มา เดลินิวส์

TREA on Facebook


©
Thai Rice Exporters Association

37 Soi Ngamduplee , Rama 4 Road , Toongmahamek , Sathorn District , Bangkok 10120 ,
Tel. 0-2287-2674-7 , 0-2287-2663-4 , Fax : 0-2287-2678

E-mail :
contact@thairiceexporters.or.th


Copyright © 2009 All rights reserved by Thai Rice Exporters Association.